(25 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึง ผู้บัญชาการกองทัพบก ด้วยรถแท็กซี่ สีชมพู โดยนำหลักฐานเป็นแผนผังการทุจริตและการสนับสนุนช่วยเหลือของทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ที่รู้เห็นกับการปล่อยตัวทหารเรือที่ค้ายาเสพติดยาบ้ามากกว่า 20 ล้านเม็ดและยาไอซ์อีกหลายตัน ทั้งที่มีหมายจับ โดยทำเป็นแผนผัง มายื่นต่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและให้มีคำสั่งพักราชการหรือย้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมด จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ จ่าสิบเอก ยุทธนา หรือ “จ.ส.อ. นิกกี้” มีพฤติกรรมช่วยเหลือ จ่าเอก กุ้ง ผู้ต้องหาหนีคดียาเสพติด หลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 โดยมี พ.อ.หญิงรพีพัทธ์ ตรีจิตรฐิติกุล นายทหารปฏิบัติการประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก เป็นตัวแทนออกมารับเรื่องดังกล่าว
โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า จ่าสิบเอก นิกกี้ กับ พวกอีก 2 นาย ได้ลงรายมือชื่ออันเป็นเท็จในบันทึกการจับกุม จ่าเอก กุ้ง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 เนื่องจากทั้ง 3 นายไม่ได้อยู่ในพื้นที่จริง และเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 จ่าสิบเอก นิกกี้ ได้จับกุม จ่าเอกกุ้ง พร้อมรถต้องสงสัย 2 คัน ที่กำลังเข้ามาขนยาเสพติดใน จังหวัดหนองคาย แต่กลับปล่อยตัวไป หลังจากจ่าเอกกุ้ง ยืนยันว่าเป็นทหารเรือ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยลำน้ำโขง(นรข.) โดยแสดงบัตรและ ได้โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่ในหน่วย ยืนยันว่า จ่าเอกกุ้ง เป็นกำลังพลจริง จึงยึดรถยนต์ของกลางไว้เท่านั้น
โดยตนเองอยากให้นำตัว จ่าสิบเอก นิกกี้ มาให้ข้อมูลให้ได้ เพื่อหาหัวหน้าขบวนการในครั้งนี้ จึงอยากให้ ผู้บัญชาการทหารบก สอบสวนอย่างจริงจัง และนำตัวส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปป. สอบสวนต่อไป เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่ากองกำลังสุรศักดิ์มนตรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขณะที่ พันเอกหญิง รพีพัทธ์ ตรีจิตรฐิติกุล หัวหน้าศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารกองทัพบก ระบุว่า กองทัพบกจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ขอให้วางใจได้ โดยผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับมาโดยตรงอยู่แล้วว่า กำลังพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกจัดการทั้งหมด
Advertisement