“บิ๊กโจ๊ก” เข้ายื่นคัดค้านการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่ ป.ป.ช. ส่งให้ ปปง. ตรวจสอบ เพราะมิชอบด้วยกฎหมาย ระบุเส้นทางการเงินเชื่อมเว็บพนันเป็นเรื่องเก่าไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้

(24 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)ได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการตรวจสอบเส้นทางการเงิน กรณีที่ ป.ป.ช.ได้ส่งหลักฐานการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพนักงานสอบสวนเครือข่ายมินนี่ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ให้ ปปง. ไปก่อนหน้านี้ ว่าไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ เนื่องจากเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ โดยมี นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงาน ปปง. เป็นตัวแทนรับหนังสือ

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้เพราะต้องการให้ ปปง.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน สอบสวนคดีความผิดที่มีมูลค่าเกินกว่า 300 ล้าน ตามหลักกฎหมายจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตำรวจจะสอบสวนเองไม่ได้ เมื่อสอบสวนโดยไม่มีอำนาจ การทำรายงานข้อเท็จจริงและความผิดฟอกเงินต่างๆ ส่งมาให้ ปปง. นั้นก็จะมิชอบด้วย ปปง.จะไม่สามารถนำเอาไปดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่างๆ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนั้นกระบวนการทั้งหมดก็จะเป็นโมฆะทั้งหมด ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่อย่างเป็นธรรม คดีไหนเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐอำนาจสอบสวนต้องเป็นของ ปปช. ก็ต้องส่ง ปปช. ภายไหน 30 วัน คดีไหนเป็นอำนาจของดีเอสไอ ก็ต้องส่งดีเอสไอ ตนเองจึงได้มายื่นหนังสือคัดค้านและชี้แจงให้ ปปง. เล็งเห็นข้อเท็จจริงในส่วนนี้

ส่วนกระบวนการต่อไปของตนเอง จะเป็นการล่ารายชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อส่งข้อมูลให้ประธานสภาเพื่อให้ดำเนินการยื่นสอบจริยธรรมและถอดถอนนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ปปช. ต่อไป

ส่วนกรณีที่มีทนายคนดังออกมาแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงไปถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น ระบุว่าเป็นเพียงเรื่องเก่า เปิดมานานแล้ว ก็ให้ว่ากันไป ใครอยากเปิดก็เปิดไปไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว ลูกน้องตนเองอยู่ในกระบวนการกระทำความผิดก็จริง แต่ตนเองไม่ได้อยู่ในกระบวนการกระทำความผิด เงินของลูกน้อง ไม่ใช่ของตนเอง เมื่อมีขบวนการพยายามโยงความผิดมาที่ตนเอง ก็ต้องต่อสู้กันไป สุดท้ายศาลหรือ ปปช. จะเป็นผู้ตัดสินเอง ส่วนความสัมพันธ์ของตนเองกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มนั้น ระบุว่าก็ไม่มีอะไร ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว และไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตนเอง

ส่วนตนเองจะได้รับความชอบธรรมและกลับมาก่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เรื่องการแต่งตั้งก็ว่ากันไป เป็นคนละส่วนกัน แต่การสืบสอบสวนเรื่องคดีย้ำว่าทุกอย่างต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่งั้นบ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ก่อนจะบอกว่าตนเองผิดหรือถูกการสืบสวนต้องชอบด้วบกฎหมายก่อน  ไม่ใช่สอบสวนแบบอาญาเถื่อน พร้อมทั้งยืนยันทิ้งท้าย หากสุดท้ายตนเองได้กลับไปเข้ารับตำแหน่งหรือได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีการเช็คผิดใคร ไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร ทำบุญหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าในวันที่ 25 เม.ย. เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับ คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ยื่นผ่าน สนง ก.ตร. ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ออกจากราชการ ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.ก็ไม่มีอะไรอยากจะถาม แต่ถ้าใครอยากจะเป็น ผบ.ตร.ก็มาคุยกับตนเองดีๆ  ตนเองยอมเพราะยังอยู่อีกหลายปี และจะพาไปกราบรูปปั้น พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพาไปกราบนายกรัฐมนตรีว่าอย่าไปหลอกท่านอีก

Advertisement