อัจฉริยะร้อง ผบ.ตร.ให้ตั้ง “บิ๊กโจ๊ก” สอบตำรวจ ภ.1และตำรวจ จ.สมุทรปราการ เรียกเก็บเงินเจ้าของบ่อน สูญเงินหลายล้าน

วันนี้ (17 มี.ค.66)นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม   น้ำเอกสาร เป็นรายชื่อข้าราชการตำรวจ ตั้งยศ พ.ต.ท.-พล.ต.ต. รวม6-7 นาย พร้อมรายชื่อผู้ประกอบการบ่อน7ราย  เข้าร้องเรียนพล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร. ให้ตั้งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รอง ผบ.ตร.  เป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ากลุ่มนายตำรวจดังกล่าวมีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการบ่อนจริงหรือไม่


โดยนายอัจฉริยะ  เปิดเผยว่า ได้มีกลุ่มนายตำรวจซึ่งอ้างตัวว่าเป็นหน้าห้องผู้บัญชาการภาค6-7นาย ได้รับไฟเขียวจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ให้ผู้ประกอบการบ่อนสามารถเปิดบ่อนได้ในพื้นที่  สภ.บางบ่อ สภ.สำโรงเหนือ สภ.เมือง  สภ.บางเสาธง สภ.บางพลี  รวม18บ่อน  แต่ต้องแรกกับการเรียกเก็บเงินบ่อนละ 3-4ล้านบาท ต่อเดือน  แต่กลับเปิดได้เพียงแค่ 2-3วัน  ตำรวจก็สั่งปิด ผู้ประกอบการจึงพยายามจะขอเงินคืน ซึ่งผู้การจ.สมุทรปราการก็รับปากว่าจะคืนเงินให้ แต่สุดท้ายไม่ยอมคืนเงิน แต่ใช้วิธีให้เปิดเพิ่ม15วัน ระหว่างนั้นก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาปล้นบ่อน3ที่  ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ได้เงินไปกว่า50ล้านบาท จากนั้นบ่อนก็ถูกตำรวจ สั่งปิดอีกครั้ง

ทั้งนี้มีผู้ประกอบการมาร้องเรียนกับตนจำนวน7ราย โดย 6รายเคยมีประวัติทำบ่อนอยู่ในนครบาล ส่วนอีก1ราย เป็นนั่งเล่น ที่ผันตัวอยากทำบ่อนเอง โดยมีชุดหน้าห้องผู้บัญชาการภาค1เป็นคนคอยแนะนำ พร้อมทั้งหาสถานที่  อุปกรณ์ และเจ้ามือให้  ตนยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนได้เสียกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และไม่ได้เป็นการขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการบ่อนในพื้นที่   แต่เป็นเพราะว่าตำรวจหลอกเงินผู้ประกอบการให้มาเปิดบ่อน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก


นอกจากนี้ยังพบว่าผู้การ จ.สมุทรปราการยังเกี่ยวข้องกับทุนจีนที่ลักลอบนำสินค้าหนีภาษี และสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย  โดยพบว่า เมื่อวันที่4 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถยึดทรัพย์สินได้มาถึง20ล้านบาท

อย่างไรก็ตามตนเองมีหลักฐานที่แน่นหนามีทั้งเส้นทางการเงิน  และคลิปวิดีโอ ที่พร้อมจะมอบให้กับพนักงานสอบสวน  ส่วนผู้ประกอบการบ่อนก็พร้อมที่จะมาเป็นพยานด้วยเช่นเดียวกัน

Advertisement