อัจฉริยะพาเหยื่อร้องกองปราบ ถูกบริษัทดังหลอกขายบ้านติดบังคับคดี อ้างประมูลได้ เหยื่อหลงเชื่อจ่ายเงินดาวน์ส่งค่างวดมา 3 ปี กลับถูกเจ้าของเดิมฟ้องไล่ที่ กลายเป็นผ่อนฟรีไม่มีบ้านอยู่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ส.ค.64 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาผู้เสียหายจากการถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งหลอกขายบ้านที่ไม่ใช่ของตนเอง จำนวนกว่า 20 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ภูมิรพี สังข์ทอง รองผกก.สอบสวน กก.2.บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าวและพวก ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยนำเอกสารหลักฐานการโอนเงินค่าผ่อนบ้านและเอกสารอื่นๆ มามอบให้ประกอบการพิจารณา

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากทางกลุ่มผู้เสียหายว่าถูกบริษัทดังกล่าวหลอกขายบ้านของผู้อื่นให้ โดยอ้างว่าสนิทกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สามารถประมูลบ้านที่ถูกบังคับคดีมาขายต่อให้ได้ หากใครสนใจสามารถทำเรื่องกู้ซื้อผ่อนชำระกับทางบริษัทพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที ทำให้มีผู้ที่สนใจอยากมีบ้านแต่ไม่สามารถทำเรื่องกู้กับทางธนาคารได้ตามปกติหลงเชื่อจำนวนมาก อย่างไรก็ตามภายหลังผู้เสียหายอยู่อาศัยได้ประมาณ 2-3 ปี กลับถูกเจ้าของบ้านคนเก่าฟ้องขับไล่ออกจากบ้าน เนื่องจากกรรมสิทธิ์การครอบครองยังคงเป็นของเจ้าของบ้านเดิม ไม่ใช่บริษัทดังกล่าวตามที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายบางรายเดือดร้อนหนักถึงขั้นถูกจับดำเนินคดีทั้งครอบครัวเหตุเพราะฝ่าฝืนคำสั่งศาลไม่ยอมย้ายออกจากบ้าน เพราะเชื่อว่าบ้านหลังดังกล่าวซื้อมาอย่างถูกต้อง

“จริงๆ แล้วบ้านเหล่านี้ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทดังกล่าว เป็นเพียงแค่การไปประมูลได้สิทธิ์ซื้อบ้านเหล่านี้มา ไม่ได้จ่ายเงินไถ่ถอน หรือปิดยอดทั้งหมด กรรมสิทธิ์จึงยังเป็นของเจ้าของเดิม แต่กลับนำมาหลอกขาย ทำให้ผู้เสียหายเหล่านี้ต้องเสียเงินค่าผ่อนชำระกับทางบริษัทไปฟรีๆ โดยที่ไม่ได้บ้านแต่อย่างใด แถมยังต้องมาถูกเจ้าของเดิมฟ้องขับไล่ เหมือนกับการถูกหลอก และเชื่อว่าน่าจะมีจะมีเข้าหน้าที่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับเรื่อวนี้ด้วย ตนจึงตั้งคำถามไปยังกรมบังคับคดีว่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมในวันนี้จึงพาผู้เสียหายเหล่านี้ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศรวมตัวมาแจ้งความเอาผิดกับบริษัทดังกล่าว” นายอัจฉริยะ กล่าว

เบื้องตันพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไว้ เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ที่นำมามอบให้ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

Advertisement