ม็อบ 7 สิงหา เดือดตามคาด! ยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตาสกัด ฟากมวลชนตอบโต้ด้วยประทัดยักษ์ เผารถตำรวจวอด

ม็อบ 7 สิงหา เดือดตามคาด! ยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตาสกัด ฟากมวลชนตอบโต้ด้วยประทัดยักษ์ เผารถตำรวจวอด #เดอะบางกอกนิวส์ #thebangkoknews

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการนัดชุมนุมที่จะรวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 14.00 น. ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ และตู้รถไฟเก่าวางเป็นแนวป้องกันบริเวณกลางท้องสนามหลวงยาวเป็นแนวไปถึงหลังศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม ถ.ราชดำเนินใน เพื่อป้องกันการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก-แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และกลุ่มเครือข่ายแนวร่วมต่างๆ ที่นัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนเข้ามาที่สนามหลวง เพื่อทำกิจกรรมเรียกร้องให้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะบริเวณแยก จ.ป.ร. สะพานมัฆวานรังสรรค์ และทำเนียบรัฐบาล ก็ได้มีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์เช่นกัน แต่ได้เปิดช่องทางจราจรให้รถยนต์สัญจรได้ตามปกติ

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ได้ลงพื้นที่ตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จากการประกาศเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมวันนี้ โดยเริ่มรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังจุดอื่นๆ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ได้จัดเตรียมกำลังดูแลความสงบและด้านการจราจรไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สัญจรไปมาขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณจุดที่มีการชุมนุม

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าตรวจค้นจุดที่คาดว่าจะมีการเก็บอาวุธ ที่อาจนำมาใช้ในการชุมนุมวันนี้ ล่าสุดมีการควบคุมตัวผู้กระทำผิดไว้ได้ 5-6 ราย และตรวจยึดลูกแก้ว เสื้อเกราะอ่อน รถยนต์ 2-3 คัน ไว้ดำเนินคดี ทั้งนี้ ขอให้ผู้ชุมนุม แกนนำคำนึงถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตำรวจพยายามบังคับใช้กฎหมายตามกรอบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ยึดหลักการเจรจา เข้าใจว่าผู้ชุมนุมมีวัตถุประสงค์อะไร แต่ขอให้คำนึงถึงประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ฉบับที่ 9) เพราะไม่อยากให้กระทบกระทั่งกัน ซึ่งการรวมตัวกันเพื่อไปสถานที่ใด ถือว่าเป็นความผิดทั้งหมด

 

รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า อยากชี้แจงลำดับขั้นตอนหากมีเหตุความรุนแรง ตำรวจจะมีการประกาศแจ้งเตือนกับผู้ชุมนุม ว่าฝ่าฝืนกฎหมายอะไร และหากไปกระทบต่อสิทธิของประชาชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ตำรวจก็ต้องใช้อุปกรณ์เข้าควบคุมฝูงชน เริ่มตั้งแต่การฉีดน้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้กันแพร่อย่างหลายในต่างประเทศ เป็นกฎกติกาที่ใช้กันทั่วไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มบุคคลจำนวน 5-6 คนต้องสงสัยที่อาจเข้ามาก่อความวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ในการชุมนุม ที่ถูกจับกุมพร้อมกับของกลางพลุไฟ วิทยุ เกราะอ่อน หัวน็อต ลูกแก้ว หน้ากากกันแก๊ส และรถยนต์ 2-3 คัน ภายในวัดมรรณพารามเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบเป็นสมาชิกกลุ่มม๊อบวีโว่ ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน. สําราญราษฎร์ เบื้องต้นจะถูกดำเนินคดีตามความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ บริเวณแยกคอกวัว เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ได้ตรึงกำลังตั้งแถวหน้ากระดานปิดถนน เดินกระชับพื้นที่เข้ามาใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง โดยมีการระบุว่า ไม่ให้มีการรวมตัวกันในบริเวณพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมเตือนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามลงมาบนท้องถนนอย่างเด็ดขาด โดยมีเสียงผู้ชุมนุมได้ส่งเสียงร้องโห่ใส่เป็นระยะๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมแยกย้ายกลับบ้านหรือออกจากพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเปิดรั้วแผงกั้นบุกเข้าควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน จนทำให้เกิดการชุลมุนกระทบกระทั่งกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งผู้ชุมนุมได้มีการยิงหนังสติ๊ก ขว้างปาประทัด และระเบิดปิงปอง ตอบโต้ เหตุการณ์ตรึงเครียดนานร่วม 1 ชั่วโมง ก่อนที่กลุ่มมวลชนจะตัดสินใจประกาศแจ้งให้สมาชิกแยกย้ายแล้วไปรวมตัวกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เวลา 15.00 น. กลุ่มมวลชนประกาศเคลื่อนขบวนต่อไปยังกรมทหารราบที่ 1 ซึ่งมีบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม อยู่ภายใน โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาปิดขวางการจราจร เส้นทางที่มุ่งไปยังกรมทหารราบที่ 1 แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม ยังคงเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่นัดหมาย จากอนุสาวรีย์ ไปยังสามเหลี่ยมดินแดง เพื่อจะมุ่งต่อไปยัง ถ.วิภาวดี ก่อนประจัญหน้ากับเจ้าหน้าที่ช่วงทางลงอุโมงค์ดินแดง ก่อนถึงสามเหลี่ยมดินแดง ระหว่างนั้นได้มีมวลชนบางส่วนพยายามย้ายตู้คอนเทนเนอร์ที่ปิดทาง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจระดมยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ส่งผลให้มวลชนถอยร่น ก่อนจะปักหลักขว้างปาพลุยักษ์ ระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ ตอบโต้ นานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะถอยร่นขบวนกลับไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อีกครั้ง ซึ่งระหว่างนั้นได้มีมวลชนบางส่วนวางเพลิงเผารถคุมขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จอดไว้บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลราชวิถี จนได้รับความเสียหายทั้งคัน

Advertisement