เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.พ.64 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ปส.2,พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการยาเสพติดจำนวน 4 คดี โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดรวม 6 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 520 กิโลกรัม ยาบ้า 3.24 ล้านเม็ด รถยนต์จำนวนรวม 11 คัน และทรัพย์สินอื่นที่ได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการ
พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า จากการกวาดล้างจับกุมขบวนการยาเสพติดทั้งหมดดังกล่าวนี้มีคดีที่น่าสนใจ 2 คดี โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.2 ได้ทำการจับกุมนายชัยวิชิต บุดสีดี อายุ 30 ปี และนายณัฐพล เอี้ยงกัณหา อายุ 27 ปี สองผู้ต้องหาชาว จ.ยโสธร พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 3.24 ล้านเม็ด ไอซ์จำนวน 13 กระสอบ 520 กิโลกรัม และรถยนต์กระบะ1 คัน หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในเขต อ.กุดชุม จ.ยโสธร เตรียมลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนริมแม่น้ำโขง จ.นครพนม ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทาง ถ.มิตรภาพ กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัยตรงตามข้อมูลของสายลับ ซึ่งมีผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ช่วยกันขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าต่อไปยัง อ.สีคิ้ว จึงสะกดรอยเฝ้าติดตาม ต่อมาเมื่อรถผ่านเข้าใกล้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ผู้ต้องทั้ง 2 รายเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามเปลี่ยนเส้นทางขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงไล่ติดตามไปจนสามารถสกัดจับกุมตัวได้ที่บริเวณป้อมตำรวจทางหลวงคลองไผ่ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลมากนัก จากนั้นจึงตรวจสอบภายในรถก่อนพบของกลางเสพติดจำนวนดังกล่าว
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก มีผู้ติดต่อจ้างให้ขนยาเสพติดล็อตนี้ในราคา 3 หมื่นบาท โดยผู้ที่จ้างวานจะให้คนนำรถที่มียาเสพติดมามอบให้ที่จุดนัดหมาย แล้วให้ขับรถคันดังกล่าวไปส่งปลายทาง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากแนวทางสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้เคยลอบขนยาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง ขณะนี้เร่งขยายผลถึงตัวการใหญ่ซึ่งเป็นผู้สั่งการยาเสพติด คาดว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและสารไอซ์)ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.มนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับคดีน่าสนใจต่อมาเป็นคดีที่ เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.3 จับกุมนายกอบชัย และนางกมลวรรณ คามรักขิด หรือ เจ๊ปู สองสามีภรรยา พร้อมของกลาง กัญชาอัดแท่ง จำนวน 400 กิโลกรัม ที่บริเวณ ลานหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.ในเมือง อ เมือง จ.นครราชสีมา สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย เจ้ปู จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์กลุ่มเครือข่ายนี้เรื่อยมา กระทั่งต่อมาสืบทราบว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ได้นำรถยนต์กระบะที่ภายในมีการซุกซ่อนกัญชาจำนวน 400 กิโลกรัม มาจอดทิ้งไว้บริเวณริมถนนใกล้กับโรงเรียนบ้านสามขามิตรภาพที่ 3 ต.คำป่าหวาย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงเข้าทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมตัว นางกมลวรรณ หรือ เจ๊ปู พร้อมกับสามีได้ดังกล่าว ก่อนนำตัวไปขยายผลตรวจค้นที่พักอาศัย เพื่อทำการยึดทรัพย์สินรถกระบะโตโยต้า เเละที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง อื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท
พล.ต.ท.มนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับเครือข่าย นางกมลวรรณ หรือ เจ๊ปู นั้น เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง อยู่ในระดับสั่งการทีมขน ซึ่งยาเสพติดดังกล่าวจะถูกนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้ามาทางชายแดนภาคอีสานของไทย ก่อนนำมากระจายส่งลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางทั้งหมด โดยที่ตัวนางกมลวรรณ หรือ เจ๊ปู จะไม่เข้ามายุ่งกับตัวยาเลย ขณะที่ในส่วนของภาพรวมสุานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน จากข้อมูลพบว่า กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดได้มีการเปลี่ยนเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาทางภาคอีสานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงด่านตรวจความมั่นคง โดยจะพยายามซุกซ่อนในรถกระบะ หรือรถบรรทุกที่มิดชิด คล้ายลักษณะรถขนของทั่วไป ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหันมาเน้นในเรื่องการข่าว และวิธีการสืบสวนเชิงลึกมากขึ้น เพื่อจะได้สามารถติดตามจับกุมสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดก่อนทะลักเข้าพื้นที่ชั้นในได้
Advertisement
