วันที่ 9 พฤศจิกายน 63 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.)เปิดเผยถึงกรณีคณะราษฎร รวมกลุ่มชุมนุมเดินเท้าจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นำจดหมายเปิดผนึกส่งถึงสำนักพระราชวัง ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ก่อนตำรวจจะใช้รถน้ำฉีดน้ำใส่ว่าการฉีดน้ำดังกล่าวเป็นการฉีดเพื่อตักเตือนผู้ชุมนุมตามหลักปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ขอยืนยันว่าไม่ได้ผสมสารเคมี หรือสี มีเพียงแต่น้ำเปล่า ตามที่มีผู้คนกล่าวอ้างว่าเกิดผืนแพ้คัน และฉีดเป็นมุมโปรเจกไทล์ กล่าวคือ ฉีดขึ้นมุมสูงเพื่อให้เกิดละอองฝอยตกลงมาข้างล่าง ไม่ใช่การฉีดเพื่อสลายการชุมนุม
ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรื่อยมาตามถนนราชดำเนินในไปจนถึงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ว่าการชุมนุมดังกล่าวผิดกฎหมาย กระทั่งกลุ่มมวลชนมาจนถึงหน้าศาลฎีกาที่ตำรวจวางแนวกั้นด้วยรถเมล์ รถตู้ตำรวจ และรั้วหีบเพลง ปรากฎว่ามวลชนพยายามรื้อทำลาย จึงจำเป็นต้องฉีดน้ำเพื่อตักเตือน
สำหรับการดำเนินคดีนั้นพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐาน ขณะเดียวกัน ผู้ที่เขียนจดหมายเปิดผนึกใส่ตู้นั้นจะผิดด้วยหรือไม่ ต้องตรวจสอบเนื้อหาอีกครั้ง
ขณะที่ พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุมที่กระทำผิด ซึ่งหลักๆ ผู้จัดกิจกรรมไม่ได้แจ้งการชุมนุมก่อน จึงอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และ พ.ร.บ.ความสะอาด พร้อมกันนี้ยังต้องตรวจสอบถ้อยคำปราศรัยในการชุมนุมดังกล่าวว่าจะเข้าข่ายความผิดร้ายแรงใดหรือไม่
รายงานแจ้งว่า สำหรับถังขยะของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำจำลองขึ้นเป็นตู้ไปรษณีย์ใส่จดหมายเพื่อนำไปยื่นถึงสำนักพระราชวังนั้น หลังการชุมนุมเสร็จสิ้น ตู้ดังกล่าวก็ถูกวางที่ไว้ตรงสถานที่ชุมนุม เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตพระนครตรวจสอบแล้วเข้าข่ายตามเนื้อหาของ พ.ร.บ.ความสะอาด เนื่องจากเป็นสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้ จึงประสานตำรวจ สน.ชนะสงคราม เพื่อนำตู้จดหมายไปลงบันทึกประจำวันติดตามหาเจ้าของที่โรงพัก หากเจ้าของประสงค์จะติดต่อขอรับคืนให้ไปแจ้งกับตำรวจได้
รายงานแจ้งด้วยว่า ปกติแล้ว หากต้องการยื่นหนังสือถึงหน่วยงานใดของรัฐ ในระบบราชการก็สามารถทำเรื่องตามขั้นตอนไปถึงหน่วยงานนั้นๆ ได้โดยตรง แต่เนื่องจากการนำตู้จดหมายไปยื่นถึงสำนักพระราชวังเช่นนี้เป็นไปในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า จึงไม่อาจส่งไปให้ถึงปลายทางได้
Advertisement
