ดร.กฤษณพงค์ แจ้งเอาผิดมือมืดแอบอ้างตุ๋นเงินเหยื่อ

       เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ก.พ. ที่บช.สอท. เมืองทองธานี รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต พร้อมนางสาวทรรศนีย์ สุกแสง อายุ 29 ปี ผู้ช่วยทันตแพทย์ ผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์กองบัญชา ผบช.สอท. หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพ นำรูปภาพไปแอบอ้างเป็นผู้จัดการทางการเงิน หลอกเหยื่อให้โอนเงินอ้างว่าทำงานผ่านโซเชียลเพื่อหารายได้เสริม โดยมี พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิต ผบก.ตอท.บช.สอท. เป็นตัวแทนเข้ารับหนังสือ
        อ.กฤษณพงค์ กล่าวว่า ที่ต้องมายื่นหนังสือวันนี้เพราะ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งว่าถูกหลอกโอนเงิน โดยมีการภาพตนเองไปตัดต่อตั้งเป็นโปรไฟล์ไลน์ แอบอ้างเป็นผู้จัดการทางการเงิน ของยี่ห้อมือยี่ห้อหนึ่ง ( หัวเหว่ย ) เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุน โฆษณาสินค้า ซึ่งผู้เสียหายระบุว่า ตอนแรกกดลิงค์จากเฟซบุ๊ก จากนั้นเมื่อกดเข้าไปแล้ว ถูกดึงเข้ากรุ๊ปไลน์ ซึ่งพบว่ามีสมาชิกในกรุ๊ปกว่า 200 คน ในกรุ๊ปนั้นมีการชักชวนกันลงทุน เช่น ลงทุน 200 บาท จะได้เงิน 290 บาท ก็จะมีการหลอกให้โอนเงินเรื่อยๆ เมื่อโอนไปแล้ว ก็จะเริ่มคัดสมาชิกที่โอนออกจากกรุ๊ปไลน์ ตอนนี้มีผู้ถูกหลอกไปแล้ว 7-8 คน สูญเงินไปกว่าครึ่งล้านบาท วันนี้เลยมาแจ้งความ ที่สอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

          ด้านนางสาวทรรศนีย์ ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเห็นโฆษณาสินค้าบนเฟซบุ๊ก เด้งขึ้นมาระหว่างดูวิดีโอสั้น ซึ่งเป็นลิงค์เว็บไซต์มือถือยี่ห้อหนึ่ง (หัวเหว่ย) ตนจึงคลิกเข้าไป แต่เมื่อเข้าไปแล้ว มันไปเชื่อมกับกร๊ปไลน์ และมีการชักชวนให้ลงทุน เป็นการลงทุนเกี่ยวกับสินค้ามือถือยี่ห้อหนึ่ง เข้าเว็บค้างไว้ 5 นาที จะมีค่าคอมมิชชั่นเข้ามา ลงทุนไปรอบแรก 200 บาท ได้คอมมืชชั่นกลับมา 90 บาท รอบ1-2 เงินเข้าบัญขี รอบ 3 จะชักชวนให้ลงทุนหนักขึ้นเรื่อยๆ โอนไปทั้งหมด 5 ครั้ง เสียเงินไปเกือบ 8 หมื่นบาท (74,088บาท) เมื่อโอนไปแล้วจะมีคนคัดออกจากกลุ่มเรื่อยๆ โดยในกลุ่มจะ มีผู้หญิง แอบอ้าง เป็นเจ้าของมือถือดัง 2 คน และอ้างเป็น อาจารย์กฤษณพงค์ 1 คน ตนพยายามขอเงินคืนแล้ว แต่จะถูกอ้างว่าคิดค่าขนส่ง ซึ่งจะต้องโอนเงินมาเพิ่มถึงจะได้เงินคืน ยอมรับว่าที่ยอมโอนเงิน หลงเชื่อเพราะเป็นแอพมือถือชื่อดัง มีลิงค์มือถือ มีภาพอาจารย์ทำให้หลงเชื่อ

          ด้าน พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ขนาดนิต ผู้บังคับการกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า จากนี้จะทำการสอบสวนผู้เสียหาย และอาจารย์ เพื่อจะขยายผลตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายอีกหรือไม่

            คดีในลักษณะนี้มีมากเป็นอันดับ 2 ซึ่งอันดับ 1 คือการหลอกขายสินค้า และอันดับ 2 เป็นการหลอกทำงานออนไบน์ เพราะเป็นช่วงโควิด ประชาชนเลยหลงเชื่อ ฝากเตือนให้ตรวจสอบตัวตนของบริษัท หรือผู้จะให้โอนให้อย่างละเอียดรอบคอบ ขอให้อย่าหลงเชื่อลิงค์ลักษณะนี้

 

Advertisement