เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 23 ต.ค.63 ที่ ด้านหลังเวทีชุมมนุมหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ หนึ่งในแกนนำเยาวชนปลดแอก พร้อมด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและแกนนำกลุ่ม “คณะราษฎรอีสาน” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับกิจกรรมการชุมนุม “นอนแคมป์ ไม่นอนคุก” ปักหลักพักค้างที่หน้าเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้ “ปล่อยตัวกลุ่มแกนนำมวลชนคณะราษฎร 2563 ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า ค่อนข้างเป็นห่วงสวัสดิภาพของเพื่อนแกนนำที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ การจับกุมตัวแกนนำหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะที่ผ่านมาการจับกุมแกนนำต่างๆ มักเป็นการใช้อำนาจทางกฎหมายในทางที่ไม่ชอบ อีกทั้งสิ่งต่างๆ ที่พวกเราพยายามเรียกร้องนั้นก็เพื่ออยากให้สังคมดีขึ้น และต้องการให้ประชาชนได้มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เพื่อพวกเขาอย่างแท้จริง ส่วนเหตุผลที่ทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมลงถนนมากในช่วงนี้ นั่นเป็นเพราะรัฐบาลที่ทำให้ประชาชนต้องลงถนน และทุกครั้งที่มีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนเพื่อสลายการชุมนุมที่ผ่านๆ มา ยืนยันว่าประชาชนไม่ใช่เป็นผู้เริ่มและไม่เคยมีความต้องการที่จะให้เกิดความรุนแรงขึ้น เพราะเราชุมนุมโดยสันติวิธี ส่วนการชุมนุมในวันนี้ก็เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวแกนนำที่เหลือ สุดท้ายนี้อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า ท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาล
ด้านนายจตุภัทร์ กล่าวว่า ยังคงยืนยันในข้อเรียกร้องเดิมคือการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ล้วนมีต้นเหตุมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยรับฟังเสียงของพวกเรา เราเพียงแค่ต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นเพื่อพวกพ้องตัวเอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ อย่างไรก็ตามสำหรับข้อเรียกร้องล่าสุดที่มวลชนยื่นให้ไปนั้นหากครบกำหนด 3 วันในการพิจารณาแล้วทาง พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ยืนยันว่าการชุมนุมจะมีการยกระดับเพิ่มขึ้น และจะพยายามเคลื่อนไหวต่อสู้ทุกวิถีทาง
แม้ว่าในวันที่ 26-27 ต.ค. 2563 จะมีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ขึ้นก็ตามแต่ ก็ยังคงยืนยันตามเดิมว่าในวันพรุ่งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมลาออกจะยกระดับการชุมนุมอย่างแน่นอน เพราะการประชุมดังกล่าวเป็นเรื่องของผู้แทนที่ทำหน้าที่ในสภา ไม่เกี่ยวกับพวกตน ที่เคลื่อนไหวในส่วนของประชาชน
“ทุกวันนี้กฎหมายไม่ยุติธรรม อีกทั้งที่ผ่านมารัฐยังคงใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหากับประชาชน
ในวันที่ตนถูกจับกุมก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย ด้วยการตบบ้องหู ทุบตี” นายจตุภัทร์กล่าวทิ้งทาย
Advertisement