วันที่ 2 มิถุนายน ที่ จ.มุกดาหาร นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเคยสงสัยนายไชยพล วิภาหรือลุงพล เนื่องจากสิ่งที่ลุงพลเคยพูดกับสื่อมวลชนกับความเป็นจริงขัดแย้งกันอย่างเช่นกรณีวันที่ 11 พฤษภาคม ปีก่อน ที่ลุงพลระบุว่ามาเติมลมรถจักรยานที่บ้านและเห็นน้องชมพู่ร้องไห้ตามลุงพล หากลุงพลนำตัวน้องไปด้วยก็คงไม่เสียชีวิต แต่ความเป็นจริงแสดงให้เห็นว่าลุงพลมาที่บ้านก่อนที่น้องจะหายตัวไป
ที่จริงแล้วลุงพลควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่มากกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ในเมื่อเป็นคนรู้จักเป็นญาติควรจะมีความเมตตา แม่เชื่อว่าวันที่ 11 พฤษภาคมปีก่อน น้องยังไม่เสียชีวิต แต่ลูกตนคงต้องร้องไห้ ต้องทำทุกวิถีทางอ้อนวอนทุกวิถีทางเพื่อจะมาหาพ่อแม่ แต่ทำไมคนเป็นญาติไม่มีความเมตตาเลย
เราควรมีความเมตตาและมีจิตสำนึก แต่ลุงพลไม่มีจิตสำนึกไม่มีความเมตตาเลยหรืออย่างไร ซึ่งลุงพลตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว เขาคือคนที่เคยพูดถึงตั้งแต่แรกว่าลุงพลเป็นคนทำน้อง แต่ช่วงนั้นแม่พยายามอธิบายอะไรกับสังคมแต่คนก็ไม่เชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่ลุงพลกลายเป็นผู้ต้องหา ลุงพลต้องชดใช้กรรมที่เกิดขึ้น ส่วนน้องชมพู่ได้รับความยุติธรรมแล้ว พ่อกับแม่ก็ได้พ้นมลทิน และทำให้สังคมรับรู้ได้แล้วว่าเราไม่ได้ทำร้ายลูก เราไม่ได้ฆ่าลูก เพราะน้องชมพู่คือลูกที่รอคอยให้เกิดกับเรา จึงอยากให้สังคมมองครอบครัวเราใหม่ด้วย
หลังจากนี้ตนและครอบครัวของลุงพลคงมองหน้ากันไม่ได้อีกต่อไป เพราะเขาไม่มีค่าอะไร ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ครอบครัวเรามีความหวังมาทุกวัน หวังเสมอ และเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจทีมนี้ที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลเรื่องนี้ และขอบคุณที่ให้โอกาสที่เราได้บอกกับสังคมในวันนี้และได้นำทีมสืบมือดีมาช่วยติดตามจนสามารถออกหมายจับจับกุมคนร้ายได้และเราได้รับความยุติธรรม
ส่วนเรื่องการต่อสู้ทางคดีนั้นเชื่อว่าหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่ตำรวจรวบรวมในคดีนี้มีความชัดเจนและแน่นหนา แต่ตนก็ยังมีความกังวลในการต่อสู้คดีของลุงพล เพราะมีทนายความที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของสังคม ก็มีความกังวลใจบ้าง แต่แม่ก็เชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาได้ ถ้าวันนี้น้องชมพู่ดูอยู่ แม่อยากฝากบอกน้องว่าขอให้เป็นเด็กดี ให้น้องอยู่บนสวรรค์ เป็นเด็กหญิงที่น่ารัก ขอให้น้องไปสู่สวรรค์ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น วันนี้ลูกได้รับความยุติธรรมแล้ว