(นนทบุรี)- วันที่ 29 กันยายน กลุ่มผู้ปกครองห้องพี่เลี้ยงจุ๋มเดินทางเข้าพบผู้บริหารโรงเรียนหลังจากมีการออกแถลงการณ์ เพื่อให้ผู้ปกครองมารับฟัง แนวทางการช่วยเหลือเยียวยา และชี้แจงแนวทางการบริหาร โดยจะเริ่มจากห้องเรียน KG1E ซึ่งเป็นห้องเรียนที่พี่เลี้ยงจุ๋มดูแลรับผิดชอบ
สำหรับการดำเนินคดีนั้น เบื้องต้น พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ ระบุว่า ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน จากกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว โดยเมื่อช่วงเช้าพี่เลี้ยงจุ๋มได้เดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา คือ 1. ข้อหาทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา 2. ข้อหาทารุณกรรมเด็ส่วนครูคนอื่นๆ ที่ผู้ปกครองได้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีในลักษณะที่คล้ายกับพี่เลี้ยงจุ๋มก็จะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ ส่วนครูชาวฟิลิปปินส์ ที่พบว่าไม่มีใบอนุญาตทำงาน และถือครองวีซ่านักท่องเที่ยว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องศาลในคดี ชาวต่างชาติไม่มีใบอนุญาตในการทำงานแล้ว โดยบรรยากาศก่อนการชี้แจงค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากมีผู้ปกครองหลายคนไม่พอใจที่ทางโรงเรียนจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังแนวทางการช่วยเหลือในครั้งนี้
ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ปกครอง ระบุว่าตนเองต้องการให้โรงเรียนเปิดเผยแนวทางการช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงเรียนทุกจุดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยลูกชายของตนเล่าว่าเคยถูกครูลงโทษสั่งขังในห้องน้ำ และทำร้ายร่างกาย จึงต้องการให้โรงเรียนเปิดเผยภาพวงจรปิดบริเวณหน้าห้องน้ำ แต่ทางโรงเรียนกลับอ้างว่าที่จุดดังกล่าวไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ โดยระหว่างการชี้แจงในห้องประชุมเป็นไปอย่างตรึงเครียด โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นตัวกลางและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ร่วมสังเกตการณ์
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีมวยล้มแน่นอน ทุกเรื่องที่ไม่โปร่งใส ทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี เบื้องต้นมอบหมายให้คุรุสภาดำเนินการแจ้งทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียนและครูที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าครูผู้สอน ครูพี่เลี้ยงไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตอนนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพครูทั้งหมดทั้งโรงเรียน หากพบว่าครูผู้สอนไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ทั้งนี้ผู้ปกครองที่มาต่างต้องการความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมในแนวทางการป้องกันเหตุความรุนแรงและแนวทางการเยียวยาจากทางโรงเรียน พร้อมกับได้ถามหาผู้อำนวยการโรงเรียน เนื่องจากไม่ทราบว่าปัจจุบันใครคือผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้
สำหรับทีมผู้บริหารโรงเรียน ทางคณะกรรมการส่วนกลางของเครือโรงเรียนได้เข้ามาบริหารและดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ โดยทางโรงเรียนยืนยันว่าจะรับผิดชอบและปรับแก้กฎเกณฑ์ เรื่องที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เช่น วุฒิครู ห้องที่มีปัญหา ทางโรงเรียนรับจะดำเนินการและเปิดเผย ส่วนผู้บริหารโรงเรียน ทางโรงเรียนได้เปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ทั้งหมด รวมถึงบุคลากรที่สอนเด็ก หากพบว่าไม่มีวุฒิภาวะระงับอารมณ์ จะไม่ให้มาสอน
ด้านนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ระบุว่า วันนี้ต้องได้ข้อยุติในปัญหาที่เกิดขึ้น ตนได้รับข้อร้องเรียนจากโรงเรียนในช่วงแรกจากไลน์กลุ่มผู้ปกครอง พบว่าติดต่อทางผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้ จากนั้นก็ได้มีการประสานตรวจสอบเรื่อยมา สั่งการให้โรงเรียนนำภาพกล้องวงจรปิดของโรงเรียนทั้งหมดมอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากผู้ว่าจ้าง หรือทางโรงเรียนใด รับบุคคลที่ไม่ใช่ครู ไม่ได้มีใบประกอบวิชาชีพครูมาทำการสอนถือว่ามีความผิด เพราะครูเป็นวิชาชีพควบคุม โดยโรงเรียนแห่งนี้มีการแจงเก็บค่าธรรมเนียม ห้อง EP โดยเก็บปีละ 80,000 บาท ทางโรงเรียนระบุว่าหากผู้ปกครองพบว่าทางโรงเรียนเก็บเกินที่กฎหมายกำหนด ทางโรงเรียนยินยอมจะจ่ายเงินคืนแก่ผู้ปกครอง
สำหรับห้องเรียน EP นั้นจะต้องเรียนไม่เกิน 25 คนในชั้นอนุบาล ส่วนมัธยมไม่เกิน 30 คน ตามหลักเกณฑ์ ห้องเรียนจะเก็บค่าเรียนแต่ละเทอมไม่เกิน 40,000 บาท ประกอบด้วย ค่าอาหาร , ค่าประกัน , ค่าว่ายน้ำ , ค่าตรวจสารเสพติด , ค่าทักษะเรียนเสริม และค่าอื่นๆ โดยตอนนี้สั่งให้โรงเรียนแก้ไขห้องเรียนละไม่เกิน 25 คนภายใน 15 วัน และเทอมหน้าต้องรับนักเรียนไม่เกิน 25 คน ทั้งนี้ได้มีการสั่งเพิ่มเติมโรงเรียนให้มีการประชุมผู้ปกครอง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า โรงเรียนไม่เคยมีการประชุมชี้แจงผู้ปกครอง รวมถึงให้ทางโรงเรียนปิดประกาศ แจงรายละเอียดประวัติครูผู้สอน พี่เลี้ยง ใบประกอบวิชาชีพครู
Advertisement