“เอกภพ” เพจสายไหมต้องรอด พาเยาวชนชาย อายุ 18 ปี พบ ผกก.สน.ลุมพีนี

          จากกรณีเยาวชนชาย อายุ 18 ปี ถูกชายชาวต่างชาติ (แขกขาว) ทำร้ายร่างกายบังคับข่มขืนและกระทำอนาจาร ภายในห้องน้ำของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา
         ล่าสุดวันนี้ (10 ต.ค.66) ที่ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 10.30 น. ทางทีมงานเพจสายไหมต้องรอด นำโดยนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พาเยาวชนชาย อายุ 18 ปี ซึ่งเป็น LGBT พนักงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี หลังได้รับการขอความข่วยเหลือกรณีถูกชายชาวต่างชาติ(แขกขาว) ทำร้ายร่างกาย บังคับข่มขืนและกระทำอนาจารภายในห้องน้ำของโรงพยาบาลชื่อดังย่านสุขุมวิท และได้เข้าแจ้งความแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ต.ค.2566 แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบปากคำผู้เสียหาย บอกว่าต้องรอผลตรวจร่างกาย 1 – 2 เดือนก่อนจึงจะเรียกสอบได้ ซ้ำร้ายมีตำรวจบางคนพยายามพูดกับผู้เสียหายซ้ำ ๆ หลายครั้งว่าเรื่องแค่นี้จะมาแจ้งความทำไม ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกว่าเหมือนถูกข่มขืนอีกเป็นครั้งที่ 2
          โดยผู้เสียหายได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วงตี 1 ของวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังปิดร้าน พร้อมกับเพื่อนพนักงาน ก็มีผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาทำทีขอซื้ออาหาร (ไอศกรีม) ตนเองจึงตอบกลับไปว่าร้านปิดแล้ว แต่ก็พยายามตื๊ออยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ถามทางไปห้องน้ำ ซึ่งเป็นจังหวะที่ผู้เสียหายจะเดินไปล้างมือและไปปัสสาวะพอดี จึงพาเดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะตอนนั้นก็มองว่าเป็นลูกค้าของร้าน แต่เมื่อไปถึงห้องน้ำผู้เสียหายก็ยืนทำธุระส่วนตัวที่โถปัสสาวะ ส่วนผู้ก่อเหตุเข้าไปในห้องน้ำห้องสุดท้าย และเมื่อตนเองกำลังจะทำธุระเสร็จ (ยังไม่ทันใส่กางเกงให้ดี) จู่ๆผู้ก่อเหตุก็เข้ามากระชากตนเองจากด้านหลังเข้าไปในห้องน้ำ วินาทีนั้นตนเองตกใจมาก พยายามขัดขืนต่อสู้ประมาณ 5 นาที พร้อมร้องสุดเสียงขอให้คนช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครมาช่วย ประกอบกับผู้ก่อเหตุได้ตะคอกให้ตนเองเงียบ และพยายามบีบคอและกดตัวของผู้เสียหายให้ต่ำกว่าตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมกับบังคับให้ตนเองใช้ปากเพื่อสำเร็จความใคร่ แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม จึงถูกบังคับและข่มขืนจากทางด้านหลัง จนผู้ก่อเหตุสำเร็จความใคร่ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากห้องน้ำ และหลังจากเสร็จความใคร่ตนเองก็วิ่งหนีออกไปยังร้าน แต่ก็ไม่กล้าบอกเพื่อนเพราะรู้สึกกลัวและอาย แต่จากนั้นไม่นานผู้ก่อเหตุได้เดินตามมาที่หน้าร้านด้วยท่าทีที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับมาถามหน้าร้านอีกครั้งว่า “ร้านปิดแล้วหรือยัง” ก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไป
       และเมื่อถามว่าเคยเห็นผู้ก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ามาก่อนแน่นอน และเมื่อถามว่า บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยสามารถเข้าไปซื้อของในโรงพยาบาลได้หรือไม่ ผู้เสียหายบอกว่า ก็สามารถเข้าได้ตามปกติ  พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกตกใจและกลัวมากเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต
         ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด บอกว่า เบื้องต้นหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน. ลุมพินี แต่ทางตำรวจบอกว่าต้องรอผลการตรวจร่างกายประมาณ 1-2เดือน ถึงจะมีการสอบปากคำเพิ่มซึ่งทางพ่อของผู้เสียหายก็มีความกังวลว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหลบหนีไปก่อนตำรวจดำเนินคดี จึงเข้าขอความช่วยเหลือ เพจสายไหมต้องรอดให้เข้ามาช่วยติดตามความคืบหน้าคดี ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบถาม ผู้กำกับ สน.ลุมพินี บอกว่าเรื่องระยะเวลาการสอบปากคำ ที่แจ้งว่าใช้เวลารอผลการตรวจร่างกาย 1-2 เดือนเป็นการสื่อสารผิดพลาด ซึ่งเบื้องต้นล่าสุดได้แจ้งพนักงานสอบสวนให้กำหนดวันเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำแล้ว ขณะที่เรื่องที่มีตำรวจบางนายพูดกับผู้เสียหายลักษณะที่กล่าวหาว่าอาจมีการสมยอม ในส่วนนี้ทางผู้กำกับ สน. ลุมพินีก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
           นายเอกภพ บอกว่า สำหรับกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยสังคมที่ต้องเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็มที่สุด เพราะจากพฤติการณ์ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วก่อเหตุแบบนี้ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะไปทำกับคนอื่นได้อีก
Advertisement