(21 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข (ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม) อาคารกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเรื่องจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของ “นายตู้ห่าว” ที่ระบุว่าเป็นกลุ่มมาเฟียจีนสีเทา ซึ่งมีการดำเนินกิจการที่ผิดกฎหมายหลายประเภทในประเทศไทย เช่น การค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน รวมถึงสถานบันเทิงผิดกฎหมายที่เน้นรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หรือผับศูนย์เหรียญ และนำเงินดังกล่าวมาฟอกด้วยการหมุนเวียนไปในธุรกิจถูกกฎหมายบังหน้า รวมทั้งแปรสภาพเป็นทรัพย์สินมีค่าสูง เช่น เครื่องบินส่วนตัว รถยนต์ราคาแพง คอนโดมีเนียม โดยมีทั้งที่ถือครองด้วยตนเองและนอมินี จำนวนมาก และขอให้สอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มผลประโยชน์กับกลุ่มทุนจีนสีเทา ดังกล่าว ที่เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานเป็นผู้ร่วมกันกระทำความผิด ผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และร่วมกันฟอกเงิน
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤตฯ กล่าวว่า นายชูวิทย์ได้ยื่นเรื่องขอให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษดําเนินการตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากคดีค้ายาเสพติด และคดีการฟอกเงิน โดยวันนี้ มีพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดํา รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มารับเรื่องด้วยตนเอง คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนหลังจากยื่นเรื่องในวันนี้แล้ว ตนได้มอบหมายให้ดีเอสไอตั้งเลขสืบสวน พร้อมทำงานคู่ขนานไปกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีหลายประเด็นต้องตรวจสอบ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
นายชูวิทย์ฯ กล่าวว่า ตนนําข้อมูลต่างๆ ที่มียื่นให้ทางกระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อศึกษาตรวจสอบว่า ข้อมูลที่ตนเองมีไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงิน รวมไปถึงนอมินี ถ้าหากมีความบริสุทธิ์ใจสามารถชี้แจ้งได้ เพราะทรัพย์สินต่างๆ ของนายตู้ห่าวมีเป็นพันล้านบาท หากดีเอสไอ เข้ามาร่วมตรวจสอบจะทําให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และตนเองไม่ต้องการทีมคุ้มครองพยาน แต่ฝากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเอาจริงกับทุนจีนสีเทาที่ฟอกเงิน
พันตำรวจตรี ยุทธนาฯ กล่าวว่า ดีเอสไอจะเร่งดําเนินการตรวจสอบการฟอกเงินจากคดียาเสพติด ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาประมูลกับหน่วยงานรัฐ โดยจะใช้เวลาตรวจสอบภายใน 2 สัปดาห์ หากพบมีความผิดจริงจะดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
Advertisement