เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายบดินทร์ เจริญราษฎร์ หรือเป้ วงมายด์ ศิลปินนักร้อง พร้อมด้วย น.ส.ษิภูตา เดชสังวรณ์ หรือกร ภรรยา และ นายสรวุฒิ เจริญราษฎร์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ปิยวัฒน์ ปรัญญา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีอินสตาแกรม “aem_baa” หลังถูกคอมเมนต์ด่าทอลูกชายฝาแฝดในสื่อสังคมออนไลน์
นายบดินทร์เปิดเผยว่า วันนี้มาแจ้งความเรื่องการคอมเมนต์ที่ไม่เหมาะสมในสื่อสังคมออนไลน์ ตนเข้าใจดีว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการคอมเมนต์หรือแสดงความคิดเห็น แต่ขณะเดียวกัน ตนมองว่าสิทธิ์นั้นไม่ควรก้าวก่ายในสิ่งที่ไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาตนก็เจอทั้งคอมเมนต์ในแง่ดีและแง่ลบ แต่ครั้งนี้เป็นการคอมเมนต์ที่ไม่เหมาะสมกับลูกของตนที่ยังอายุไม่ถึงขวบ จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นกับสังคม ให้มองว่าอย่ายอมผู้อื่นที่คิดว่าจะพูดอะไรก็ได้ เพราะเมื่อลูกของตนโตขึ้น คอมเมนต์เหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ และตนมองว่าคอมเมนต์เหล่านี้ล้ำเส้นเกินไปและหยาบคายมาก แม้แต่ใช้กับผู้ใหญ่ด้วยกันเองก็ยังรับไม่ได้ ตนได้เห็นคอมเมนต์เหล่านี้มาแล้วประมาณ 3-4 วัน และทำการติดต่อไปยังผู้ใช้บัญชีดังกล่าวแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ติดตอบกลับมา จึงปรึกษากับทางทนายความและรีบมาดำเนินการ
“ตนโตพอและรู้ว่ามีทั้งคนรักและคนเกลียด แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องลูกของตน ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย จึงรู้สึกว่าไม่สามารถให้อภัยได้” นายบดินทร์ นายบดินทร์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนไม่ได้มองในเรื่องจำนวนเงินค่าเสียหาย แต่อยากให้เป็นบทเรียนกับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพราะทุกคนอยากมีพื้นที่ในการเก็บสิ่งสำคัญไว้ และทุกการคอมเมนต์ก็สามารถทำตามเสรีภาพในสิ่งที่ดีได้ หากไม่ชอบก็แค่เลื่อนผ่านและไม่ต้องดู ไม่จำเป็นต้องมาทำร้ายจิตใจกัน ส่วนผู้ใช้บัญชีดังกล่าวก็ให้รอรับหมายเรียกได้เลย อย่างไรก็ตาม ตนค่อนข้างเข้าใจขั้นตอนการติดตามตัว และทำใจไว้บ้าง แต่ก็เชื่อในเจ้าหน้าที่ตำรวจ หวังว่าจะได้เจอตัวผู้ก่อเหตุ แต่คิดว่าถ้ามีจิตใจเช่นนี้ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ให้กฎหมายดูแลแทน
ขณะที่ น.ส.ษิภูตา กล่าวว่า เมื่อตนได้เห็นคอมเมนต์ก็รู้สึกตกใจ เพราะหยาบคายและรุนแรงมาก คำถามแรกคือคำว่าทำไม เหตุใดถึงพูดจาเช่นนี้ คิดว่าเจอกับตนเองก็คงไม่เป็นอะไร แต่กับเด็กนั้นใสสะอาดเกินไป ซึ่งพวกตนเพิ่งทราบว่าการฟ้องร้องจะต้องทำภายใน 3 เดือนนับจากวันที่พบเจอคอมเมนต์ คอมเมนต์เก่าๆ จึงหมดอายุความไปแล้ว เหลือแต่กรณีนี้
ด้านนายสรวุฒิกล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการโดยเบื้องต้นการกระทำเข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้นรอให้ทราบตัวผู้ก่อเหตุเช่นกัน จะเป็นจำนวนเงินเท่าใดต้องขึ้นกับทางผู้เสียหาย
Advertisement