วันที่ 15 พฤษภาคม 64 ที่ จ.ตรัง น.ส.กัลยา ตันเองฉ้วน หรือน้องแนน อายุ 18 ปี จากโรงเรียนสภาราชินีตรัง สามารถสอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตามโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ศูนย์ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ที่เพิ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้เธออาศัยในบ้านเช่ากับ น.ส.มลิวรรณ ไพริน หรือแม่นา อายุ 49 ปี โดย น.ส.กัลยาเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดี จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 เกรดเฉลี่ย 3.97 โดยการสอบติดครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับแม่และครอบครัว เพราะเป็นการสอบติอสมความตั้งใจของน้องแนน แม้ฐานะค่อนข้างลำบาก หาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินเก็บสะสม แต่น้องแนนยังคงคาดหวังว่าจะขอกู้เงิน กยศ.และสอบชิงทุนเพื่อทำให้ตนเองสำเร็จการศึกษาตามที่หวังไว้ ส่วนผู้เป็นพ่อคือนายยงยุทธ ตันเองฉ้วน ได้เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ในวัย 50 ปี จากสาเหตุดังกล่าวทำให้น้องแนนที่มีความขยัน ประกอบกับการตั้งใจเรียนมาโดยตลอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีความฝันอยากจะเป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เนื่องจากการสูญเสียผู้เป็นพ่อไป เป็นความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้โศกเศร้าเสียใจจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน น.ส.มลิวรรณ ผู้เป็นแม่ เป็นเสาหลักของบ้าน มีอาชีพรับจ้างซักอบรีดผ้า และเป็นแม่ค้าขายผลไม้ แต่ด้วยสภาวะโควิด-19 ทำให้มีรายได้ลดลง จากรายได้เดือนละ 20,000 บาท เหลือเพียงเดือนละ 10,000 กว่าบาท ที่จะต้องนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวทั้งหมด ทั้งค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,800 บาท ค่าผ่อนรถยนต์กระบะที่ใช้สำหรับขายผลไม้เดือนละ 6,000 บาท ส่วนที่คงเหลือเป็นเงินที่ใช้สำหรับการกินอยู่ในครอบครัว
น้องแนน เล่าว่า ตนเข้าสมัครโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท จากมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อเดือน มีนาคม โดยจะเปิดเทอมในวันที่ 9 สิงหาคม แต่ตนก็มีเรื่องเครียดในส่วนเงินค่าใช้จ่ายในการเรียน จากที่ดูมาจะต้องจ่ายค่าเทอมก่อนเข้าเรียน 30,000 บาท ไม่รวมค่าหอพัก ซึ่งยังไม่มีแต่ก็ตั้งใจที่จะกู้เงิน กยศ.และสอบชิงทุนต่าง ๆ
ก่อนสอบนั้นตนได้ตั้งใจอ่านหนังสือเอง และได้สมัครขอทุนจากสถาบันแห่งหนึ่งเพื่อเรียนพิเศษเพิ่มเติมก็ได้เรียนพิเศษและติวฟรี สาเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจเรียนแพทย์นั้นเป็นช่วงที่พ่อเริ่มป่วย ตนได้คุยกับหมอ ซึ่งในระหว่างทำการรักษา หมอได้บอกอาการป่วยของพ่อ ด้วยความที่ไม่เข้าใจตนจึงหาข้อมูลดูในกูเกิลจึงมีความรู้สึกอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับโรคมากกว่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่อยากเป็นหมอ เพื่อตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนอื่น ๆ อยากให้เขามีโอกาสได้มีชีวิตต่อไป
ด้าน น.ส.มลิวรรณ หรือแม่นา กล่าวว่า หลังจากที่ทราบว่าลูกติดแพทย์ตนก็รู้สึกดีใจ แต่ก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะทางบ้านก็ลำบาก รายได้ลดลงเนื่องจากช่วงโควิดจากปกติได้รับรายได้เดือนละ 20,000 กว่าบาท แต่ตอนนี้ได้รับรายได้เพียงแค่เดือนละ 10,000 กว่าบาท แต่ก็จะหาทางให้ลูกมีเงินเรียนหมอต่อโดยจะขอจากพี่ๆ ต่างบิดาเพื่อให้ช่วยเหลือน้อง และน้องแนนเองก็ตั้งใจจะกู้เงิน กยศ.ด้วย มีความหวังว่าลูกต้องเรียนจบหมอ เพราะลูกมีความตั้งใจ ตั้งแต่เรียนชั้น ป.1- ป.6 ก็เรียนได้ที่ 1 ของห้องตลอด และเชื่อว่าจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือน้องในการประสานงานเรื่องขอทุนในการศึกษา
Advertisement