เมื่อวันที่ 6 พ.ย. เมื่อเวลา 20.45 น.ที่ กองปราบปราม น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ “เจ๊อ้อย” พร้อมด้วย นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ เดินทางออดจากกองปราบปรามภายหลังให้ปากคำและเซ็นรับทราบสำนวนการสอบสวนที่สอบวันละ11 ชั่วโมงเป็นจำนวน 4 วัน
โดยเจ๊อ้อย กล่าวว่า ยังไม่ได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของทนายตั้มเลย ส่วนเรื่องเงิน 71 ล้านและ 39 ล้านที่เขาอ้างว่าเป็น สแกมเมอร์นั้นตนให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว และไม่รู้สึกกังวลที่ทนายตั้มมาเปิดตัวแถลงข่าวในวันนี้ และไม่มีผลใดๆกับตนเองทั้งสิ้น จากนั้นทางเจ๊อ้อย ซึ่งยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสแต่ดูอิดโรยเนื่องจากให้การกับตำรวจติดต่อกันมา 4 วันก็ได้ขอตัวขึ้นตู้กลับบ้าน โดยมอบหมายให้ทนายความเป็นผู้แถลงกับสื่อมวลชนต่อไป
นายสมชาติ กล่าวว่า พี่อ้อยได้ให้การกับพนักงานสอบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าน่าจะครบถ้วนทุกประเด็น ส่วนเรื่องที่ทนายตั้มอ้างว่าโอนให้สแกมเมอร์นั้นตนบอกได้เพียงว่า โอนเงินไปให้ผู้หญิงชื่อ ส. แต่ถ้าบอกให้ลึกกว่านั้นเกรงว่าจะไปกระทบกับรูปคดี เมื่อถามถึงเรื่องสแกมเมอร์ว่ามีจริงหรือไม่ นายสมชาติตอบว่า มีอยู่จริง แต่ประกอบโยงใยทุกเรื่องเนื่องจากผู้เสียหายเป็นบุคคลคนเดียวกัน
นายสมชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี 71 ล้านที่ทนายตั้มอ้างว่าได้มาเสน่หานั้นต้องมองว่า พี่อ้อยเขาจ้างทนายตั้มมาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ไม่ได้เกิดขึ้นจากความเอ็นดูหรือเป็นลูกรัก เรื่องดังกล่าวต้องมองแยกกัน เพราะในสัญญาระบุว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ให้ดูแลธุรกิจ แต่มีการดำเนินธุรกิจจริงมันก็ไม่ใช่ฉ้อโกง และเรื่องผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่สามารถนำมารวมกันในสัญญาว่าจ้างได้ ทั้งนี้ให้ดูที่สัญญาว่าจ้างว่าได้ระบุไว้อย่างไร
นายสมชาติ กล่าวอีกว่า การดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวมีการดำเนินคดีใน 2 ส่วนคือความผิดที่เกิดขึ้นกับตัวของพี่อ้อย ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการให้ปากคำไปทั้งหมดแล้ว แต่ความผิดในเรื่องดังกล่าวยังมีความผิดต่อรัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถแจ้งความเอาผิดได้ อาทิเช่นเรื่องภาษี อย่างไรก็ตามยังยืนยันว่าพี่อ้อยจะดำเนินคดีกับทนายตั้มให้ถึงที่สุด