เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย.64 ที่แยกอโศก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากเริ่มทยอยมารวมตัวกันในพื้นที่ ตามนัดหมายที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้นัดหมายทำกิจกรรมคาร์ม๊อบ “ขับรถยนต์ชนรถถัง 19 ก.ย.” เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร และรำลึกเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 สานต่อเจตนารมณ์ของนายนวมทอง ไพรวัลย์ อดีตพนักงานการไฟฟ้า ผู้ขับแท็กซี่ชนรถถังเพื่อประท้วงการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 รวมถึงเรียกร้องต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายสมบัติกล่าวว่า การทำรัฐประหาร ทั้ง 2 เหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 และ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงต่อสังคม จนส่งผลกระทบถึงขนาดทำให้คนหนุ่มสาว หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ หลายคนเริ่มมีความคิดย้ายประเทศ ปัจจุบันเราจึงเห็นการออกมาเรียกร้องของคนหนุ่มสาวมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเหตุการณ์รัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง ในอดีต จะเห็นว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของประขาชน ที่ไปเชียร์ให้มีการรัฐประหาร ดังนั้นเราจะต้องไม่ผิดพลาดแบบนั้นอีก
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนครบวาระหรือไม่ ส่วนตัวยังเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะอำนาจมีธรรมชาติอยู่อย่างเหมือนยาเสพติด และต่อเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในอำนาจต่อไปก็เท่ากับประเทศต้องถอยหลังตามความสามารถ แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตเชื่อว่า แม้จะยังคงมี 250 เสียง ส.ว. แต่ถ้าหากประชาชนร่วมใจแสดงเจตจำนงชัดเจนกว่าที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะไม่มี พล.อ.ประยุทธ์
“ตอนนี้เราเห็นรอยกรีดแตกของพรรคร่วมรัฐบาล ช่วงรอยแตกนั้น ถ้าชัดเจนกว่านี้ แม้ประยุทธ์ไม่อยากยุบสภา ลงจากอำนาจ ก็ ‘ยาก’ ที่จะอยู่ได้” นายสมบัติ กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ ได้กล่าวตอนหนึ่งขณะปราศรัยว่า ตนยังเชื่อว่า จะมีประชาชนเพิ่มมากขึ้น ตราบใดที่ประชาชนยังไม่ยอมแพ้ เราก็ยังยืนหยัด นี่ไม่ใช่การต้อสู้ครั้งสุดท้าย เราไม่ได้ขีดเส้น ขอเพียงประชาชน ไม่ยอมแพ้
จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. เมื่อเห็นว่ามวลชนเริ่มเข้ามาร่วมกิจกรรมจนเต็มพื้นที่ นายณัฐวุฒิ จึงประกาศเริ่มเคลื่อนขบวนออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
Advertisement