เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรืออุ๊บ วิริยะ พร้อมด้วย น.ส.ชลวิภา วิริยะกุล หรือทนายเฟิร์น เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตามหมายเรียกเพื่อให้ปากคำในฐานะพยานคดีที่ นายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกาโตะ เคยแจ้งความเอาผิด น.ส.พริมวรินทร์ พิธาวรเสฐ หรือ สีกาตอง ในฐานความผิด ข่มขู่รีดเอาทรัพย์ จากกรณีถูกข่มขู่เรียกเงินเพื่อปกปิดเรืองอื้อฉาวที่เกิดขึ้น
นายวิริยะ กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับการติดต่อจากตำรวจ เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน ในคดีของอดีตพระกาโตะกับสีกาตอง เนื่องจากก่อนหน้านี้สีกาตองได้เคยติดต่อ ตนขอให้ไปออกรายการโหนกระแสด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้จัดการของสีกาตองแต่อย่างใด และไม่เคยทราบเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวมาก่อน มาทราบเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งตนเองก็ได้ให้คำปรึกษาและตักเตือนกับสีกาตอง ว่าไม่สนับสนุนการกระทำที่ปรากฏในเรื่องอื้อฉาวและให้ขอโทษสังคม ยืนยันว่าตนไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด โดยในวันนี้ตนจะชี้แจงถึงความจริงที่เกิดขึ้น และยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่เคยให้การสนับสนุนสีกาตองแต่อย่างใด เป็นเพียงการให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ เท่านั้น พร้อมให้ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกเช่นกัน นอกจากนี้ ตนเองก็ถูกผู้คนพาดพิงและต่อว่า แต่ตนแยกแยะได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ซี่งตนเองก็มีความคิดที่จะดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้น แต่ต้องขอปรึกษาทนายความก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเองก็คงไม่ได้ตัดขาดจากสีกาตอง และเคยมีความตั้งใจที่จะนำมาร่วมงานกัน แต่มาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นเสียก่อน
ขณะที่ น.ส.ชลวิภา เปิดเผยว่า การเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เนื่องจากอดีตพระกาโตะแจ้งความสีกาตอง ในเรื่องการรีดเอาทรัพย์ ซึ่งอดีตพระกาโตะน่าจะได้มีการแจ้งข้อมูลว่าสีกาตองมีการปรึกษากับ นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา และ นายวิริยะ จึงเป็นที่มาของการเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนจะมีการดำเนินคดีความระหว่างสีกาตองกับอดีตพระกาโตะอย่างไรนั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยว เพราะนายวิริยะไม่ใช่ผู้สนับสนุนหรือผู้อยู่เบื้องหลัง
ต่อมาเวลา 12.15 น. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตำรวจสอบสวนกลาง ตามหมายเรียกเข้าพบในฐานะพยานเกี่ยวกับคดีดังกล่าว โดยนายจีรพันธ์ กล่าวว่า ในวันนี้ตำรวจได้เรียกตนเข้าให้ปากคำถึงคดีที่เกิดขึ้น เนื่องจากสีกาตองได้เคยติดต่อมาหาตน เนื่องจากต้องการให้เปิดโปงพฤติกรรมของอดีตพระกาโตะ ก่อนที่ต่อมาสีกาตองจะส่งหลักฐานให้กับอดีตพระย้อยแทน ยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน หรือเรื่องดังกล่าว จึงมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงและแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยหลังจากเกิดเรื่อง ตนแทบไม่ได้พูดคุยกับสีกาตองเลย ทั้งนี้ ตนไม่รู้สึกกังวลอะไร ส่วนเรื่องเงินนั้นเท่าที่ทราบมา อดีตพระกาโตะเป็นผู้เสนอให้กับทางสีกาตองเอง ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงตนเองนั้น จากนี้ก็ยังจะทำงานของตนเองต่อ หากไม่ทำต่อแล้วใครจะทำ โดยตนอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกลไก หากมีการขับเคลื่อนกลไกต่างๆ ก็คงไม่มีประชาชนร้องเรียนมายังตน ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่บั่นทอนจิตใจ แค่รู้สึกรำคาญที่ต้องไปศาลหรือสถานีตำรวจ
Advertisement