อัยการนำตัว ”ชัยวัฒน์” ยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ คดีฆ่าบิลลี่ เจ้าตัวลั่นไม่กังวลคดี จ่อยื่นประกัน คนละ 1 ล้าน ขอ ปชช.ตามพิสูจน์ เห็นใจลูกน้องอยู่ใกล้ตัวแล้วซวย

          วันนี้​ (5 ก.ย.)​ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่​ สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมนายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่1-4 ในการเสียชีวิต นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มาส่งตัวให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ
         โดยนายชัยวัฒน์ ได้เดินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ไม่ได้มีความกังวลใจ และได้เตรียมเอกสารเพื่อนำมาประกันตัวพร้อมกับขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ทุกคน และที่ผ่านมาตนเองได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่ได้ทำอะไร และวันนี้เมื่อทุกอย่างมาถึงขั้นตอนของศาลแล้ว ตนเองรู้สึกโล่งใจมากกว่า และไม่ได้รู้สึกน้อยใจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย กลับรู้สึกขอบคุณเสียมากกว่า เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ต้องทำแบบนี้ เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงสักที รวมถึงประเด็นที่ว่า ตนเองเป็นผู้ลงมือสั่งการและเผาบ้าน ของ ปู่คออี้ และ มอแอะ ชาวบ้านบางกลอย จำนวน 2 หลัง แต่ท้ายที่สุดหลักฐานได้ชี้จัดว่า ปู่คออี้ และมอแอะ นั้นอยู่บ้านหลังเดียวกัน ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมาเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ให้การเท็จ และแจ้งเท็จ ซึ่งตนเองก็พิสูจน์แล้ว และอยากให้สังคมคอบติดตามดูความจริงคืออะไร และตนเองก็ยังไม่ฟ้องกลับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนยังเกี่ยวข้องกับกรณีที่ดินชาวบ้านบางกลอยที่ยังพิพาทกันอยู่ตอนนี้

           เมื่อถามกระทบกับการทำงานราชการหรือไม่ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ทางผู้ใหญ่และน้องๆ ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และตนก็ทำงานในการปกป้องป่าตามปกติ ซึ่งตนยังรู้สึกเห็นใจลูกน้องที่ต้องมาพัวผันในคดี ซึ่งลูกน้องทุกคนรู้สึกท้อใจ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมาโดนคดี และมองว่าไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ชิดตนเองก็มักจะซวยตามไปด้วย
          ด้านนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการต่อสู้คดีนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะต้องดูฝั่งของทางอัยการในขั้นตอนการตรวจหลักฐานสืบพยานก่อน ว่ามีพยานหลักฐาน พยานบุคล หรือวัตถุพยานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเงินสด คนละ1 ล้านบาท
          โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ได้แก่ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้ การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 10.15 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยคดีต่อศาลดังกล่าวตาม ขั้นตอนกฎหมายต่อไป.
          ต่อมาเวลา 10.43 น.นายชัยวัฒน์กับพวกเดินทางมาถึงศาลอาญาคดีทุจริตฯ ก่อนจะกล่าวสั้นๆเพียงว่า ไม่ได้กังวลใจ แรกๆอาจมีน้อยใจ แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมน่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามสังคมในทุกๆปี และเชื่อในกระบวนการยุติธรรม

 

Advertisement