“อัจฉริยะ” เข้ารับทราบ​ 2​ ข้อกล่าวหา​​ 2​ สน.​ หลังตำรวจ​ ภาค​ 1​ แจ้งความดำเนินคดี​ ตนมั่นใจตำรวจไม่ได้มีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิด​

           เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่​ สน.พหลโยธิน​ นาย​ อัจฉริยะ​ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม​ พร้อมทนาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน​ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีที่ตำรวจภูธร​ ภาค 1 แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐาน​”ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน​ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” จากกรณีจัดแถลงข่าวพาดพิงการทำงานของตำรวจในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา
           โดย​นายอัจฉรินะ​กล่าวว่า​ ในวันนี้มาพบพนักงานสอบสวน จากกรณีที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 แจ้งความตน​ รวม​ 2 คดี ในข้อหา​” ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” โดยยังไม่ทราบว่าแจ้งความตนจากเหตุไหน แต่มั่นใจว่าไม่ได้มีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิด วันนี้พนักงานสอบสวนคงแจ้งข้อกล่าวหาตนไม่ได้ ทำได้แค่แจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบแล้วให้กลับบ้าน ซึ่งตนจะไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.ประชาชื่น ต่อ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาอีก 1 คดี

           นายอัจฉริยะ ยังได้กล่าวถึงตำรวจว่า จากกรณีที่อธิบดีอัยการภาค 1 มีคำสั่งให้สอบเพิ่มมากกว่า 10 ประเด็นนั้น ตนรู้มาว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังพยายามหาเรือสำรองมาใช้แทน เนื่องจากไม่กล้าให้ตรวจสอบเรือลำจริงเพราะกลัวจะเจอคราบเลือด และฝากถึงผู้ประกอบการด้านเรือว่า อย่าให้ความร่วมมือกับตำรวจเพราะจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วย ซึ่งตำรวจทำอะไร ตนรู้หมด มีสายรายงานตลอด หากบริสุทธิ์ใจจริง ควรนำเรือลำจริงมาให้พิสูจน์หลักฐานตรวจ และคืนนี้ ตนจะไลฟ์สด เปิดเรื่องช่องลับบนเรือด้วย ซึ่งมีข้อเท็จจริงว่าเจ้าของอู่เรือเคยสาธิตเองว่าเรือลำนี้มีช่องลับอยู่ ซึ่งเชื่อว่า นี่ก็เป็นอีกประเด็นที่อธิบดีอัยการ ภาค 1 สั่งสอบเพิ่ม เพราะตนยื่นไปว่าให้ตรวจหาคราบเลือดบนเรือที่อยู่ด้านขวาซึ่งมีช่องลับอยู่
          ทั้งนี้ นายอัจฉริยะยังได้เผยภาพหลักฐานอีก 2 ภาพ ที่ระบุว่าตำรวจมีการปลอมแปลงหลักฐาน โดยภาพแรก เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่สะพานซังฮี้ ในเวลา 22.18 น. ซึ่งเห็นเรือลำเกิดเหตุแล่นผ่าน แต่ข้อมูลจีพีเอสบอกว่า เวลาดังกล่าว เรือวิ่งอยู่ที่วัดจันทร์ จึงเป็นการแก้เวลา
            ส่วนอีกภาพ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ในเวลา 22.32.05 น. ซึ่งนายอัจฉริยะบอกว่า จากการวิเคราะห์แสงและเงา จะเห็นคนบนเรือเหลือเพียง 5 คนแล้ว ดังนั้น แตงโมจึงตกเรือไปก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ตรงกับเวลาที่ตำรวจแถลงข่าวว่าแตงโมตกเรือตอน 22.34.10 น. ทั้งนี้ นายอัจฉริยะบอกว่า ที่เปิดให้ดู เพื่อจะบอกว่า จริงๆ ตนมีหลักฐานอยู่เป็นเข่ง อยู่ที่ว่าจะเอาออกมาใช้อย่างไรเท่านั้น

           ส่วนการดำเนินคดีกับนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ยืนยันว่าจะเดินหน้าฟ้องจริง และไม่ใช่การฟ้องแก้เกี้ยว เพราะคุณแม่ทำให้ตนเสียหายมาก ที่มากล่าวหาว่าตนหลอกลวง ซึ่งยืนยันว่าไม่เคยหลอก และตนก็ไม่เคยบอกกับคุณแม่ว่าตนเองเป็นทนายความ
           โดยวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายนนี้ เวลา 10 นาฬิกา ตนจะเริ่มเริ่มดำเนินการคดีหมิ่นประมาทให้คุณแม่ก่อน 1 คดี ที่ สภ.พระประแดง จะไม่รอให้ถึงวันที่ 20 กรกฎาคมนี้แล้ว และถ้าคุณแม่จะฟ้องกลับ ก็ไม่กลัว และเชื่อว่าคุณแม่ทำอะไรตนไม่ได้ เพราะสิ่งที่คุณแม่พูดทำให้ตนเสียหายจริง พร้อมฝากบอกนางภนิดาว่าให้โทรหาปอบ่อยๆ บอกปอว่า แม่แย่แล้ว ทั้งนี้ หากคุณแม่จะติดต่อมาหาตน ตนจะไม่รับสาย เพราะไม่ให้ราคา

            นายอัจฉริยะ ยังเปิดประเด็นใหม่ด้วยว่า บิ๊กเซอร์ไพรส์ที่ตนกำลังพิสูจน์อยู่ คือพิสูจน์ความเป็นแม่ลูกกันของแตงโมกับคุณแม่ภนิดา ว่าเป็นแม่ลูกกันจริงหรือไม่ เมื่อถามว่ามูลเหตุอะไรที่ทำให้สงสัยว่าแตงโมกับคุณแม่ภนิดาไม่ใช่แม่ลูกกัน นายอัจฉริยะ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก” โดยขอให้รอดู เพราะตนกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัดซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าว และไม่กลัวหน้าแตกเพราะตนแค่ตั้งข้อสงสัย ถ้าหากจริง เรื่องก็จบ ส่วนกรณีที่เคยไลฟ์สดระบุว่า แจ๋ม กิ่งเพชร ชอบเข้าบ่อน ไม่เกี่ยวกัน ตนไม่ได้พาดพิงถึงใคร อย่านำมาเชื่อมโยงกัน
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายอัจฉริยะ ได้เปิดเผยว่า การแจ้งความตน ตนไม่ได้มีปัญหาที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่พบว่าคดีนี้ มีปัญหาเรื่องการมอบอำนาจผู้ร้อง โดยพนักงานสอบสวน แจ้งเพียงว่ามีผู้มอบอำนาจมารวม 26 คน ซึ่งตามสิทธิตนสามารถขอดูเอกสารได้ว่ามีใครบ้าง แต่พนักงานสอบสวนไม่ให้ดู อ้างว่าเป็นความลับในสำนวน ตนจึงปฏิเสธ ไม่ยอมให้แจ้งข้อกล่าวหา และหลังจากนี้จะไปลงบันทึกประจำวัน และแจ้งเอาผิดพนักงานสอบสวนในมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยจะไปแจ้งที่สถานีตำรวจอื่นภายหลัง
            ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยังได้ประกาศเปิดศึกกับตำรวจ สน.พหลโยธิน และกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 โดยระบุว่า ในเมื่อไม่ให้ความเป็นธรรมกับตน ตนก็จะแลกหมัดทันที โดยจะไปร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แฉกรณีการเปิดบ่อนในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ส่วนคดีที่ตนถูกแจ้งความนี้ เป็นการแจ้งจากเหตุที่ตนไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ บก.ปปป. เกี่ยวกับการแถลงข่าวเท็จของตำรวจภาค 1 ในวันแถลงสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งตนยืนยันว่า ตนไม่ผิด และไม่ได้พูดเท็จ หลังแถลงตำรวจก็เคยออกมายอมรับเองว่าผิดพลาด

           อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ จริงๆ พนักงานสอบสวนนัดมารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 30 มิ.ย. แต่วันนี้ตนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อน และเมื่อถึงวันนัด ตนก็จะไม่มาเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม แค่ขอดูหนังสือมอบอำนาจก็ไม่ได้ โดยตนจะใช้สิทธิเลื่อนนัดออกไป ให้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และมั่นใจว่าสุดท้ายจะนำหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้แน่นอน เพราะตนไม่ได้พูดเท็จ และนี่เป็นคดีขี้หมา
            กรณีทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ประกาศว่าพร้อมช่วยเหลือตนหากมีหลักฐานจริงนั้น ตนยินดี พร้อมขอบคุณทนายตั้มที่ปราถนาดี และตนไม่ขัดข้องถ้าทนายตั้มจะมาขอดูหลักฐานเป็นการส่วนตัว แต่ยืนยันว่าตนไม่สามารถเปิดหลักฐานออกผ่านสื่อได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองที่คนบนเรือจะฟ้องตนกลับได้หากเปิดหลักฐานออกสื่อ ซึ่งยืนยันว่าตนมีหลักฐานจริง ไม่ใช่ไม่มี โดยทั้งหมดก็ได้ส่งฟ้องศาลไปแล้วซึ่งตนมั่นใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่ฟ้อง หลังจากนั้นจะเดินทางไปรับทราบข้อหาเดียวกันต่อที่ สน.ประชาชื่น​
Advertisement