เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีอาญา กับกลุ่มแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และพวก ในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม โดยมี พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในวันนี้ตนมายื่นร้องดำเนินคดี กลุ่มแพทย์คดีแตงโม ที่มีการใช้ข้อความอันเป็นเท็จในการลงรายงานส่งต่อตำรวจภาค1 ที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานนำไปสู้การฟ้องร้องบุคคลบนเรือ โดยกลุ่มเพทย์จะมีทั้งหมดกี่คนนั้นตนยังไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของ บก.ปปป. ตรวจสอบ ทั้งนี้ยืนยันว่าบาดแผลทางยาวที่ขาขวาด้านในนั้น ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ แต่แพทย์กลับลงความเห็นเกิดจากใบพัดเรือ โดยตนมีหลักฐานที่บุคคลใช้ชื่อว่า “ไอยรา 4” เป็นผู้เปิดเผยข้อมูลกับบุคคลภายนอก โดยไอยรา 4 เอง ก็เป็นบุคคลในคณะทำคดีแตงโมเช่นกัน โดยหลักฐานที่ตนจะเปิดเผยนั้น เป็นภาพแชตของไอยรา 4 ที่กล่าวถึงการนำหมูไปจำลองเหตุการณ์ ที่สุดท้ายแล้วไม่สามารถเข้าได้กับใบพัดเรือ นอกจากนี้ พล.ต.ต. “ว” ที่เคยกล่าวถึงนั้น ยังเป็นผู้มีอำนาจในการโยกย้ายตำแหน่ง และขึ้นตรงต่อ ผบ.ตร. จึงเป็นเหตุผลที่ ผบ.ตร. นิ่งเฉยกับเรื่องดังกล่าว ส่วนไอยรา 4 จะเป็นบุคคลเดียวกับ พล.ต.ต. ว.หรือไม่ ขอให้สื่อมวลชนไปสอบถาม นายตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะทราบดีว่าเป็นใคร
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ตนไม่เข้าใจที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. และ พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 ออกมาโต้ตอบเมื่อวานนี้ ตนไม่อยากเห็นการโต้วาที สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรทำคดีให้สิ้นข้อสงสัย แต่กลับบอกว่าส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ซึ่งใช้เวลาเร็วมาก ทั้งที่มีถึง 20 ประเด็นที่ต้องสอบเพิ่ม รวมถึงการที่อัยการเรียกแพทย์นิติเวชไปนั้น เป็นการเรียกไปในฐานะอะไร และมีหนังสือหรือไม่ ที่ผ่านมา เมื่อตนเปิดเผยหลักฐานเพียงเล็กน้อย ก็ถูกกล่าวหาว่าตนเปิดเผยไม่ครบถ้วน เมื่อเปิดเผยหลักฐานจำนวนมาก กลับถูกฟ้องร้องในข้อหา พ.ร.บ.คอม พิวเตอร์ฯ
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนยังมีประเด็นที่ไม่สามารถตอบสังคมได้ ดังนี้ บาดแผลขาขวา, การพลัดตกท้ายเรือนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะไม่มีภาพขณะตกเรือ และการจับขา นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน แต่ยืนยันว่าไม่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นิติเวช รวมถึงกองพิสูจน์หลักฐาน แต่ต้องการหาความจริง ส่วนประเด็นยาเสียสาวนั้น ตนเองไม่ได้ติดใจ เนื่องจากบางคนอาจใช้เพื่อรักษาอาหารเครียด หรือเป็นยานอนหลับ ซึ่งตนเองก็ใช้อยู่ทุกวัน แต่ตนสงสัยว่าเหตุใด พล.ต.ต.ว จึงไม่ทำการตรวจสารเสพติด แซน โดยอ้างว่าแซนไม่ยินยอม ส่วนการที่ตนไม่นำหลักฐานไปให้ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 เป็นเพราะพนักงานสอบสวนชุดดังกล่าวไม่มีความน่าเชื่อถือ เคยถูกจับว่ามีการนำพนักงานสอบสวนปลอมมาทำคดี ซึ่งเป็นการประพฤติมิชอบ นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนคนหนึ่งยังเคยทำคดีลัลลาเบล จนสุดท้ายแล้วศาลยกฟ้อง
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในคดีน้องชมพู่ ผบ.ตร. ทำการแถลงข่าวด้วยตนเอง แต่เหตุใดคดีนี้จึงไม่ออกมาแถลง มีเพียงคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดี ไม่มีนายตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เป็นคดีที่มีผู้ให้ความสนใจระดับประเทศ รวมถึงยังมีการนำหลักฐานเท็จมาประกอบวิดิโอการแถลง จึงเห็นได้ชัดว่าคดีนี้มีความไม่ชอบมาพากล
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ตนเองคงสู้อำนาจรัฐไม่ได้ แต่ก็ทำให้ประชาชนได้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมในคดีนี้มีปัญหา ตนไม่อยากมอบหลักฐานให้ตำรวจแล้วเรื่องเงียบไป อีกทั้งปัจจุบันการเสาะแสวงหาข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์รวดเร็ว กว่าการทำงานของตำรวจ ซึ่งข้อมูลหลักฐานที่ตนนำเสนอนั้น เพื่อยืนยันถึงข้อสังเกตว่า แตงโมไม่ได้ปัสสาวะท้ายเรือ และไม่ได้ตกจากท้ายเรือ
“ส่วนกรณีจะยื่นหนังสือร้องดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดเวลา 24 ชั่วโมง” นายอัจฉริยะ กล่าว
Advertisement