อัจฉริยะ นำเจ้าของที่ดินร้อง ผบก.ปทส.ตรวจสอบการเวนคืนที่ดินของหน่วยงานรัฐ ส่อไม่สุจริต

           ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 มี.ค. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำ นายชัยณรงค์ จันทระสีดา อายุ 42 ปี และนางสุชาดาจันทรสีดา อายุ 43 ปี สองสามีภรรยาผู้ได้รับผลกระทบ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส.ให้ตรวจสอบโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านซับกระจาย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ที่มีเจ้าหน้าที่สปก. เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน และนายทุน ประพฤติส่อไปในทางไม่สุจริต มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบ
          โดยนายอัจฉริยะกล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากนายชัยณรงค์และนางสุชาดาว่ามีการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐส่อไปในทางไม่สุจริตในโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านซับกระจาย โดยมีนายทุนร่วมกับเจ้าหน้าที่ สปก. เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ร่วมการใช้เงินเวนคืนที่ดินไม่สุจริต โดยมีตัวแทนมาเจรจากับนายชัยณรงค์และนางสุชาดา ต่อรองขอให้แบ่งเงินเวนคืนที่ดิน ครึ่งหนึ่ง แลกกับการไม่ร้องอายัดในเรื่องการจ่ายเงินเวนคืนที่ดิน โดยฝ่ายนายชัยณรงค์และนางสุชาดาไม่ยืนยอม ได้ต่อสู้ทางคดีมาตลอด 3 ปี โดยนายทุนได้มีการฟ้องแพ่งแล้วถอนฟ้องออกไปเพื่อนำเอกสารไปยื่นแก่ สปก.ว่า ทั้งสองไม่มีสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว โดยกรมชลประทาน จ่ายค่าเวนคืนที่ดินให้แก่ สปก.เป็นผู้ได้รับเงินแทน จึงอยากให้ทาง บก.ปทส. ทำการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้การทำงานของสปก.เป็นในรูปแบบของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินการเกษตร นครราชสีมา และคณะกรรมการกรมชลประทาน และมีนายทุน เจ้าของโรงงานขนาดใหญ่ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังพบว่ามีเจ้าของที่ดินอีกหลายรายที่ถูกดำเนินการในลักษณะเดียวกันอีกด้วย

          ด้านนายชัยณรงค์ ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า ตนถูกเวนคืนที่ดินจำนวน 29 ไร่ เป็นเงินค่าเวนคืน 1.9 ล้านบาท เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีตัวแทนมาเจรจาขอให้แบ่งค่าเวนคืนที่ดินให้ครึ่งหนึ่ง จะได้จบ ๆ ไป ไม่มีการอายัดการเวนคืน แต่ตนไม่ยอมจึงมาร้องเรียนกับนายอัจฉริยะ ที่ผ่านมาได้เพียงค่าต้นไม้และค่าบ้านที่เป็นการชดเชยจำนวน 30,000 บาทเศษ ตนได้ยื่นฟ้องนายทุนที่ศาลแขวงจังหวัดนครราชสีมา ฐานใช้เอกสารปลอมและแจ้งความเท็จ สำหรับโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 และมีการสำรวจถึงปี 2563 อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบถึงการกระทำดังกล่าวว่าผิดกฎหมายหรือไม่

           ด้าน พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส.เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากผู้ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นขอนำเอกสารข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลว่าเข้าข่ายความผิดในฐานใดบ้าง มีหน่วยงานใดบ้างที่กระทำความผิด จะต้องทำประกอบการทั้ง 2 ส่วนคือสืบสวนและสอบสวนและประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้ชัดเจน คงใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร ด้วยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียดโดยมี กก 3 บก.ปทส. ดูแลตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เบื้องต้นยังพบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบรายเดียว แต่ทราบว่ายังมีผู้ได้รับผลกระทบที่มีที่ดินข้างเคียงอีก จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
Advertisement