“อัจฉริยะ” นำหลักฐานแผนผังกระทำผิดขบวนการค้ายาเสพติดมอบตร. เรียกร้องให้เอาผิด พล.ต.ต.พัวพันขบวนการออกจากราชการไว้ก่อน

          ​ (20 ต.ค.)​ เมื่อเวลา​ 10.30​ น.ที่​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ​ สตช.​ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางเข้ามานั่งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ พร้อมชูป้ายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนพ่อค้ายาเสพติด อาวุธปืนสงครามและปืนสั้น ในการดึงสำนวนคดียิงตำรวจออกเพื่อช่วยเหลือคนถือบัตรผู้การนราธิวาส สนับสนุนอดีตตำรวจมาเลเซียที่ค้ายาและลักพาตัวนักธุรกิจชาวมาเลเซียมานราธิวาสและไปลาว และเปิดฝ่ายปกครองออกใบอนุญาติปืนจำนวนมากโดยใช้หลักฐานเท็จปลอม

          นายอัจฉริยะ​ กล่าวว่า​ พลตำรวจตรีแวสาแม ใช้วิธีการออกบัตรให้กับขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม ที่พัวพันคดีอาญาถึง 8 คดี เพื่อเอาไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ว่าเป็นคนใต้สังกัดของพลตำรวจตรีแวสาแม พร้อมมีไฟล์วีดีโอที่มีการโชว์หลักฐาน พร้อมภาพถ่ายผู้ต้องหาคู่กับพลตำรวจตรีแวสาแมยืนยัน อีกทั้งเมื่อผู้ต้องหาเหล่านี้ถูกจับกุม พลตำรวจตรีแวสาแม ก็จะสั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบทำสำนวนคดีของบุคคลที่ถือบัตรดังกล่าวเอง เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาพ้นผิดหรือรับโทษน้อยลง โดยเรียกรับผลประโยชน์จากบุคคลเหล่านี้

           โดยนายอัจฉริยะยังมีคลิปเสียงพ่อค้ายาเสพติดที่ถูกจับคดีอาวุธปืน 33 กระบอก พูดคุยกับอดีตตำรวจมาเลเซียที่ค้ายาไอซ์และอุ้มนักธุรกิจมาเลเซียไปลาว ซึ่งยืนยันว่ามี “ผู้การนราธิวาส” ช่วยเหลือล้มคดีให้ และระบุชื่อผู้การ “แวสาแม” และสื่อประเทศมาเลเซียยังเคยนำเสนอเรื่องราวของพลตำรวจตรีแวสาแม ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมายและช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียิงตำรวจ สภ.สุไหงโกลกเสียชีวิต ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหาถูกชี้ตัวแล้ว แต่กลับถูกดึงชื่อออกจากสำนวนและไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ที่ออกใบอนุญาตอาวุธปืนให้กับคดีนี้และพ่อค้ายาเสพติด ก็มีความเกี่ยวข้องกับพลตำรวจตรีแวสาแม รวมจำนวนอาวุธปืนที่ออกให้ขบวนการยาเสพติดกว่า 500 กระบอก

            นอกจากนี้ยังมี สส. เข้ามาพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด และภรรยาของพลตำรวจตรีแวสาแมก็เกี่ยวข้องกับขบวนการทั้งหมดด้วย เพราะรู้จักสนิทสนมกับผู้ต้องหา ดังนั้นจึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้พลตำรวจตรีแวสาแมต้องออกจากราชการเท่านั้น

              อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะยังเปิดเผยอีกว่า วันที่ 24 ตุลาคมนี้ ตนเองจะไปเปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ซึ่งมีทหารเรือ ตำรวจภูธรภาค 4 ระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
Advertisement