หนุ่มโดนปาหินถนนรัชดาแจ้งความ พยานเผยโดน 3 ครั้ง เห็นแท็กซี่สีชมพูขับมาใกล้ แต่ ตร.ยันไม่น่าเกี่ยว

         เมื่อวันที่ 27 เมษายน 64 นายธีธัช ชุมทอง อายุ 22 ปี เข้าแจ้งความกับ ตร.สุทธิสาร หลังถูกคนร้ายปาหินได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ทั้งนี้เจ้าตัวเล่าว่าขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้างเซ็นทรัลพระราม 9 เพื่อกลับบ้านที่คอนโดรัชดาภิเษก 19 เมื่อโผล่พ้นอุโมงค์ทางลอดรัชดาภิเษก-สุทธิสารมุ่งหน้าถนนลาดพร้าว ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรกระเด็นมาโดนบริเวณไหปลาร้าข้างขวา รู้สึกเจ็บมาก มีเลือดซึมออกมา จึงประคองรถจอดเข้าข้างทางและก้มมองดูเห็นเลือดไหลเต็มหน้าอก จึงตั้งสติประคองรถกลับบ้านเพื่อทำแผล
        พบว่าแผลมีลักษณะเป็นหลุมรูปทรงวงรี กว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร และเป็นแอ่งลึก 2 มิลลิเมตร ปากแผลมีเศษฝุ่นสีดำ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะโดนหินดีดกระเด็นใส่ จึงไม่ได้เข้าแจ้งความ อย่างไรก็ดีทางแฟนสาวได้ไปเจอโพสต์ของผู้เสียหายรายก่อน ๆ และมีเหยื่อเข้ามาแสดงตัวหลายคน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุก็เป็นถนนเส้นเดียวกัน จึงคิดว่าตนเองคงตกเป็นเหยื่อแก๊งปาหินด้วย เพราะส่วนตัวก็มองว่าหากเป็นหินที่ตกลงมาจากสะพานด้านบน ก็ไม่น่าจะมีความแรงขนาดทำให้เกิดแผลลึกเช่นนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าขณะเกิดเหตุขับรถในแนวตรง ทิศทางเห็นมาจากด้านหน้า ซึ่งด้านหน้าของตนเองก็แทบไม่รถคันอื่นเลย มีเพียงรถที่ตามหลังมา จึงคาดว่าอาจจะมาจากรถที่สวนมาจากฝั่งตรงข้ามหรือไม่ และหลังเกิดเหตุตนเองกับแฟนสาวก็หวาดกลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัยหากต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางที่เคยเกิดเหตุอีก
         ด้านนายดำรงค์รักษ์ มาศศิริ เจ้าของร้านบะหมี่บ้านโป่ง เจ๊เเดง ระหว่างซอยลาดพร้าว15เเละ17 ซึ่งเป็น1ในผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายปาหินใส่ร้าน โดยเล่าว่าร้านตัวเอง ถูกปาหินใส่มา 3 ครั้งแล้ว จึงให้พนักงานคอยเฝ้าสังเกตหน้าร้านตั้งเเต่โดนครั้งเเรก ทางพนักงานยืนยันว่าขณะเกิดเหตุมักจะมีรถเเท็กซี่สีชมพูต้องสงสัยขับชะลอมาหน้าร้านเเละเปิดกระจกหน้าต่างฝั่งข้างคนขับทิ้งไว้ทุกครั้ง เเต่ละครั้งที่เกิดเหตุเเม้จะเป็นเเท็กซี่สีชมพูเหมือนกัน เเต่เเถบสีคาดข้างรถจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นรถเช่า
          นอกจากนี้สอบถามเพื่อนร้านค้าละเเวกใกล้เคียงยังพบว่ามีอีก 2 ร้าน ได้เเก่ ร้านน้ำปั่น เเละร้านอาหารตามสั่ง ที่โดนลักษณะเดียวกันตั้งเเต่ปากซอยลาดพร้าว1 ยาวไล่จนถึงเเยกรัชดา-ลาดพร้าวอีกด้วย
         โดยหลังเกิดเหตุพบว่าหินที่ปาจะเป็นหินสีขาว กลมมนคล้ายกับหินประดับตกเเต่งหรือหินตู้ปลาที่พบในรถผู้เสียหายรายก่อนหน้านี้ ซึ่งตนเเละพนักงานในร้านได้รับบาดเจ็บจากเหตุนี้ด้วย ยอมรับว่ากังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลัวว่าลูกค้าที่มานั่งกินอาหารในร้านจะโดนลูกหลงไปด้วย หลังจากเกิดเหตุตนได้เเจ้งความเเละให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.พหลโยธินไปเเล้ว เเละวันนี้ก็มาให้ข้อมูลกับสืบสวน สน.สุทธิสารเพิ่มเติมด้วย
          ด้าน พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผู้กำกับการ สน.สุทธิสาร กล่าวว่าการกระทำผิดลักษณะเดียวกันนี้มีในหลายพื้นที่ แบ่งเป็นสน.พหลโยธิน 2-3ครั้ง สน.ห้วยขวาง 2 ครั้ง สน.ดินแดง 3 ครั้ง และ สน. สุทธิสาร 6 ครั้ง โดยในส่วนของ สน.สุทธิสาร พื้นที่ตนรับผิดชอบนั้น ผู้เสียหายระบุไม่พบรถต้องสงสัย เเต่จากการสอบถามผู้เสียหายในพื้นที่ สน.พหลโยธิน พบว่ามีรถแท็กซี่สีชมพูที่เข้าข่าย เมื่อตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กลับพบว่าหลักฐานที่อยู่ของคนขับแท็กซี่คันนั้นไม่สอดคล้องกับวันเวลาที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย
         ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบรถอีกหลายคัน ทั้งรถยนต์เเละจักรยานยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาจากการสอบปากคำผู้เสียหายมีแนวโน้ม ว่าขณะก่อเหตุคนร้ายอาจไม่ลงจากรถทำให้ไม่มีกล้องวงจรปิด หรือพยานเห็นตัวบุคคลหรือใบหน้าผู้ต้องสงสัยเลย ทั้งนี้ตนกำลังประสานข้อมูล กับท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อเร่งติดตามตัวคนร้าย เตรียมรายงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อตั้งชุดสืบสวนร่วมในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีที่มีการก่อเหตุในหลายพื้นที่

 

Advertisement