จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ น.ส.ธัญญ์สมินธิ์ มหาโชติเทวากุล หรือ เบลล์ เจ้าของเพจ “เบลล์ญาณบารมี” ได้หอบหลักฐานเข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสิรฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ หลังถูกอดีตสามี ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของดีเจชื่อดังระดับประเทศ เสพยา และทำร้ายร่างกายจนน่วมไปทั้งตัว ขณะที่ผู้เสียหายแจ้งความกับทางตำรวจไปแล้วหลายครั้ง แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงต้องทนถูกทำร้ายเรื่อยมาตลอดระยะเวลา 2 ปี ล่าสุดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา อดีตสามีบุกไปทำร้ายถึงหน้าบ้าน ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมขู่ฆ่ายกครอบครัว ทำให้นายเอกภพเตรียมพาผู้เสียหายเข้าร้องเรียนขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยประสานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตรวจสอบว่าเหตุใดการแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในแต่ละครั้งที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายคดีจึงไม่คืบหน้า ส่งผลให้ผู้เสียหายต้องถูกทำร้ายซ้ำๆเรื่อยมา และให้ผู้เสียหายยื่นเรื่องเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญาด้วยต่อไป
(22 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กระทรวงยุติธรรม นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า กรณีนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเรื่องของการทำร้ายร่างกาย รวมถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งผู้เสียหายมีการเข้าแจ้งความไปแล้วหลายครั้ง แต่คดีไม่คืบหน้า ซึ่งก็ไม่ทราบด้วยเหตุอะไร จึงพาผู้เสียหายเข้าพบ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เพื่อให้ผู้เสียหายเข้ากระบวนการคุ้มครองพยานต่อไป พร้อมฝากถึงผู้ก่อเหตุ การเป็นผู้ชายแล้วทำร้ายร่างกายผู้หญิง เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เมื่อเลิกรากันแล้วควรต่างคนต่างเดิน ไม่ควรมาทำร้ายราวีระรานใคร
ด้านนางสาวธัญญ์สมินธิ์ กล่าวว่า ตนกับผู้ก่อเหตุ คบหากันได้ 6 เดือน โดย 2-3 เดือนแรก ตัวผู้ก่อเหตุเริ่มมีพฤติกรรมฉุนเฉียว พูดคนเดียว เก็บตัวอยู่ในห้อง และกระชากผมตน ซึ่งตนโดนกระทำมาตลอดทั้งข่มขู่คุกคาม ทำร้ายร่างกาย แม้กระทั่งตอนตั้งครรภ์บุตรของเขา ก็ถูกผลัก ถูกถีบสารพัดในโรงพยาบาล แม้กระทั่งในวันที่คลอดบุตรก็ยังโดนทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ เวลาผู้ก่อเหตุหงุดหงิดฉุนเฉียว ตนจะโดนทำร้ายร่างกายตลอด ตลอด 6 เดือนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ตนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ เกิดภาวะซึมเศร้า หวาดระแวงและวิตกกังวลง่าย เหมือนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุข เห็นหน้าเขาแล้วกลัว และการเลิกรา ฝ่ายชายจะตามรังควานตนทุกครั้ง ตามไปที่บ้านหรือพอทราบว่าเราอยู่ที่ไหน เขาจะติดตามหาเราจากทุกช่องทางพยายามตามให้เจอตัวและไปทำร้ายร่างกาย ทั้งยังเคยด่าว่าตนตามที่สาธารณะ ตามร้านข้าวหรือโรงพยาบาล และสถานที่อื่นๆ ที่ผ่านมา หากเราทำอะไรที่ไม่ถูกใจเขานิดเดียว ก็จะถูกทำร้ายร่างกายทุกอย่าง รวมไปถึงกระทำต่อหน้าคนอื่นๆ เขาไม่เคยให้เกียรติตนแต่อย่างใด
นางสาวธัญญ์สมินธิ์ เปิดเผยถึงมูลเหตุการกระทำรุนแรงของผู้ก่อเหตุว่า ตนคาดว่าเกิดจากการที่เขามีสภาวะควบคุมอารมณไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดด้วยหรือไม่ เพราะตนเคยเห็นเขาถอดแมสก์แล้วมีผงขาวๆที่ปลายจมูก จึงสอบถาม จนเขาสารภาพเองว่าเสพยามา และด้วยความที่ผ่านมา ตนไม่เคยอยู่ในสังคมคนเล่นยา เลยไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร แต่พอเขาสารภาพ ตนจึงไปหาข้อมูลไปศึกษาว่าอาการคนเล่นยาเป็นอย่างไร จึงพบว่าพฤติกรรมที่เขาเป็น มีความคล้ายคลึงอย่างมาก
นางสาวธัญญ์สมินธิ์ เผยอีกว่า ครอบครัวเขารู้เห็นทุกการกระทำของลูกชาย เคยเห็นฉากเอาหมอนปิดหน้า เคยเห็นลูกชายกระชากผมตน แต่ครอบครัวเขาไม่เคยจัดการบุตรชายเลย วันนี้ตนไม่ไหวแล้ว เพราะเขาขู่ฆ่าครอบครัวของเรา เขาอ้างว่าจะเล่นยาแล้วมาฆ่าเรา มาฆ่าลูกของเรา ซึ่งที่ผ่านมา เขาเคยมีประวัติเรื่องการทำร้ายร่างกายคนอื่นๆมาก่อนด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่เป็นข่าวไม่มีการติดต่อมาของครอบครัวเขาเลย ตนพร้อมเอาผิดเขาให้ถึงที่สุด ไม่ขอพูดคุย ต้องเข้าคุกเท่านั้น
นางสาวธัญญ์สมินธิ์ เผยต่อว่า ทุกครั้งที่ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะบอกว่าเป็นเรื่องของครอบครัวไม่อยากยุ่ง ไม่มีแม้แต่ความช่วยเหลือที่จะให้กลับมา อย่างเหตุการณ์ที่ตนถูกทำร้ายร่างกายกลางร้านอาหารโอมากาเสะ ตนได้ไปแจ้งความเพื่อขอภาพวงจรปิด ปรากฏว่าทางเจ้าของอาคารไม่ให้ เพราะเกรงว่าจะสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงอาคาร ทำให้ตนไม่มีพยานหลักฐานตรงนี้ที่จะเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุมักท้าทุกครั้งว่าไม่กลัว หากตนไปแจ้งความดำเนินคดี และมักอ้างว่ามีตำรวจให้ความช่วยเหลือ เพราะรู้จักตำรวจเยอะ ให้ตนไปแจ้งความเลย เขาไม่กลัว สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ที่ สภ.ปากเกร็ด กำลังดำเนินการให้ โดยพนักงานสอบสวนจะมีการเรียกให้ผู้ก่อเหตุไปพบและรวมถึงรับทราบข้อกล่าวหา
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า การบุกรุกในเวลากลางคืน ทั้งในท้องที่ สน.โคกคราม และ สน.ทุ่งมหาเมฆ ยืนยันว่าจะช่วยติดตามคดีให้ เพราะกฎหมายไม่อนุญาตในเรื่องของการทำร้ายร่างกาย และเมื่อได้ตัวผู้ก่อเหตุมา อาจจะต้องให้ตำรวจไปตรวจหาสารเสพติดด้วย ทั้งนี้ เมื่อสักครู่ ตนได้ประสานไปที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 โดยท่านได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เรียกผู้ก่อเหตุเข้าไปพบและไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า จากนี้จะมอบหมายให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนนทบุรี ดูแลในเรื่องคุ้มครองสิทธิพยาน ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงยุติธรรมจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้ และจะประสานงานไปยัง สน.ท้องที่ สอบถามว่ามีการดำเนินคดีไปถึงขั้นไหนแล้วบ้าง รวมไปถึงได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ด้วย เนื่องจากที่เกิดเหตุสองที่อยู่ในท้องที่นครบาล เพื่อให้ท่านได้รับทราบและติดตามข้อมูลว่าเหตุใดคดีความถึงไม่มีความคืบหน้า จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายซ้ำๆและถูกข่มขู่คุกคามอยู่บ่อยครั้ง
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า การใช้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ ฝากถึงสังคมด้วยว่า หากพบเห็นการทำร้ายร่างกายแล้วมีคนพูดว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย แบบนี้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ หากพบแล้วก็ควรจะให้ความช่วยเหลือในขณะนั้น ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย และหากในวันเกิดเหตุ มีผู้ร่วมเดินทางไปกับผู้ก่อเหตุด้วยนั้น ก็อาจจะต้องถูกพิจารณาในเรื่องของการเข้าข่ายร่วมกันกระทำบุกรุกและทำร้ายร่างกายได้ ยืนยันว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมือง จะมีชื่อเสียงขนาดไหน หากกระทำผิดกฎหมาย เราดำเนินคดีหมด และผู้เสียหายจะได้รับการคุ้มครอง 100%
Advertisement