ศูนย์ปราบหนี้ช่วยไกล่เกลี่ยนายทุนลดหนี้ 8 เดือน กวาดล้างนายทุนเงินกู้ ยึดทรัพย์กว่า 500 ล้านบาท

           วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 64 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.แถลงผลกวาดล้างนายทุนเงินกู้ที่ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะฉ้อโกงประชาชน
          คดีแรกกรณีนายประเสริฐ อาดำ ชาวนาในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลโดยใช้อาวุธมีดจ่อที่ลำคอ แจ้งความประสงค์ขอพบนายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้กู้ยืมเงินจากนายทุน จำนวน 400,000 บาท แต่ถูกฟ้องร้องต่อศาลเรียกเงินคืน 2,300,000 บาท จึงไม่รู้จะพึ่งใครจึงมาก่อเหตุที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ต่อมาพล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รองผบช.ภ.1 ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนได้ไปพูดคุยกับนายประเสริฐ จึงทราบปัญหาว่าได้กู้ยืมเงินจากนายทุนจริง
          โดยได้กู้ยืมเงินจากนายอุดม ใจเอื้อเฟื้อ ในพื้นที่ ม.6 ต.คลองพระอุดม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ปี 2557 ครั้งละ 1-3 แสนบาท และได้ผ่อนดอกเบี้ยมานานแต่เงินต้นไม่ลดลง ประกอบกับต้นปีที่ผ่านมาได้มีคำฟ้องร้องของศาลมาให้ชดใช้หนี้ รวม 2.3 ล้านบาท จึงมาก่อเหตุดังกล่าว ตำรวจจึงได้ดำเนินการขอหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานีเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายอุดม พบสำเนาโฉนดที่ดิน 23 ฉบับ สัญญาเงินกู้พร้อมหนังสือมอบอำนาจ 16 ฉบับ สมุดจดบันทึกและสมุดบัญชีเงินกู้ อาวุธปืน 2 กระบอก ตู้เซฟ 1ตู้ สมุดจดเงินกู้ที่มีรายชื่อผู้กู้ 57 ราย จำนวนเงินประมาณ 22 ล้านบาท จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ ประจำจังหวัดปทุมธานี เพื่อไกล่เกลี่ยประนอมหนี้
          ผลปรากฏว่านายอุดมตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553 จากเดิมที่นายประเสริฐ ถูกฟ้องบังคับชำระหนี้จำนวน 2,348,475 บาท นายอุดมยินยอมให้นายประเสริฐชำระหนี้ เพียงเงินต้น 300,000 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งได้ถอนฟ้องและคืนโฉนดที่ดินให้ ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้
           หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบโฉนดที่ดินที่เหลือ รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะติดตามพยานบุคคลอื่นๆ เข้ามาให้ถ้อยคำ หากพบว่ากระทำความผิดกฎหมาย จะดำเนินการต่อไป
          อีกคดีทาง พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5บก.ปอศ. พร้อมชุดปฏิบัติการปราบปรามหนี้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ ค้นบ้านของนางวงจันทร์ คงน้อย นายทุนปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดในพื้นที่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งคนที่จะมากู้ยืมเงินจะต้องเอาโฉนดที่ดินของตนเองเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ โดยให้ผู้กู้ทำสัญญาเงินกู้ลงเพียงรายมือชื่อไว้ในสัญญาโดยไม่ได้ลงรายละเอียดยอดเงินที่ขอกู้ไว้ในสัญญาแต่อย่างใด และคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 60 ต่อปี
          ผลการตรวจค้นพบโฉนดที่ดิน 17 ฉบับ โฉนดที่ดินพร้อมสัญญาเงินกู้ 28 ฉบับ สัญญากู้ยืมเงิน 23 ฉบับ สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม เงินสด 50,000 บาท คู่มือจดทะเบียนรถแทร็กเตอร์ 2 คัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของโฉนดที่ดินและสัญญากู้ยืมเงิน หากพบว่าได้มาโดยมิชอบจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
         นอกจากนี้ทาง พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รองผบช.สอท. ยังเปิดเผยถึงการทลายโกดังจำนำรถรายใหญ่ ในภาคตะวันออก โดยเข้าตรวจค้น 3 เป้าหมายในจังหวัดชลบุรี พร้อมจับกุมผู้ต้องหารวม 4 คน ตรวจยึดรถยนต์รวม 44 คัน และรถจักรยานยนต์ 15 คัน ซึ่งทั้งหมดรับว่า รถของกลาง เป็นรถที่จำนำไว้กับผู้ครอบครองรถ โดยคิดค่าบริการและดอกเบี้ย พร้อมทำสัญญาโอนลอยกรรมสิทธิ์ไว้
          จากนี้ตำรวจจะตรวจสอบที่มาของรถ หากพบว่า เป็นรถที่ถูกโจรกรรม รับจำนำหรือดำเนินการโดยผิดกฎหมาย จะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อไป และอีกคดี ตำรวจยังจับเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยรับจำนำรถจากประชาชน คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 10 ต่อเดือน
          ด้าน พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปน.ตร. ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2563 ถึงปัจจุบัน มีผลการดำเนินการสืบสวนปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบ และรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน รวม 3,754 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 3,345 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.1 อยู่ระหว่างดำเนินการ 409 เรื่อง แบ่งตามลักษณะการกระทำความผิด ดังนี้
          1. ดอกเบี้ยเกินอัตราฯ 2,172 เรื่อง ร้อยละ 57.86, 2. หมวกกันน็อค 895 เรื่อง ร้อยละ 23.84, 3. เงินกู้ออนไลน์ 536 เรื่อง, 4.จำนำรถ 53 เรื่อง, 5. ขายฝากที่ดิน 26 เรื่อง, 6. จำนองที่ดิน 30 เรื่อง, 7. วางหลักประกัน 37 เรื่อง, 8. อื่นๆ 5 เรื่อง มีผลปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1,986 คน ตรวจยึดเงินสด 2,183,939 บาท อาวุธ 20 รายการ บัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 3,000 บัญชี รถยนต์รถจักรยานยนต์กว่า 500 คัน โฉนดที่ดิน 145 ฉบับ มูลค่าของกลางกว่า 500 ล้านบาท
Advertisement