ร้องกองปราบโดนฮุบพระ

           เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา พา นายผดุง เล็กจินดา และ นายสุชิน จำปาทอง ญาติโยมลูกศิษย์ของพระครูเกษม อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย จ.นครปฐม ซึ่ง มรณภาพเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง บุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ รองผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหลวงพ่อเผชิญ เจ้าอาวาสรูปใหม่ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง หลังหลวงพ่อเผชิญไม่คืนพระเครื่องที่ญาติโยมเคยฝากไว้กับพระครูเกษม เพื่อให้ช่วยปล่อยหาคนเช่าจำนวนหลายร้อยองค์ มูลค่ารวมหลายสิบล้านบาท
นายวิชัย กล่าวว่า ในวันนี้มาแจ้งความดำเนินคดีกับหลวงพ่อเผชิญ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากญาติโยมได้นำพระเครื่องไปฝากไว้กับพระครูเกษม เจ้าอาวาสคนก่อน เพื่อช่วยหาคนมาปล่อยเช่า โดยจะนำเงินที่ได้มาแบ่งเป็นค่าบูรณะวัด และอีกส่วนคืนเจ้าของพระเครื่อง ซึ่งทำมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว กระทั่งพระครูเกษมมรณภาพ หลวงพ่อเผชิญ ซึ่งเคยเป็นพระลูกวัดทุ่งน้อย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่ กลุ่มลูกศิษย์ที่เคยนำพระเครื่องไปฝากเช่าจึงรวมตัวขอคืนวัตถุมงคลทั้งหมด แต่ปรากฏว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่คืน แต่กลับปิดล๊อคกุฏิแน่นหนา ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการทวงถามขอคืนหลายครั้ง จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล ในฐานะพระชั้นปกครองมีมติให้คืนวัตถุมงคลทั้งหมดที่ไม่ใช่ของวัด แต่ปรากฏว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ยังไม่คืน แต่ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาวัตถุมงคลทั้งหมดก่อน แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าว
ด้านนายผดุงกล่าวว่า พวกตนได้นำพระเครื่องไปฝากไว้กับพระครูเกษม เพื่อนำไปปล่อยเช่าต่อ แต่เมื่อพระครูเกษมมรณภาพไป เจ้าอาวาสรูปใหม่กลับไม่คืนพระกับพวกตน ซึ่งครั้งที่นำพระเครื่องไปฝากไว้ เป็นเพียงการสัญญาปากเปล่ากับพระครูเกษมเท่านั้น เนื่องจากพวกตนเคารพและเชื่อใจ โดยน้องชายของพระครูเกษมรับรู้เรื่องการฝากพระเครื่อง ส่วนเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ไม่รู้เรื่องดังกล่าว โดยส่วนของตนเป็นพระสมเด็จ มูลค่าเกือบล้านบาท ขณะนี้รวบรวมผู้เสียหายได้ประมาณ 6 รายแล้ว ความเสียหายรวมหลายสิบล้านบาท ส่วนจำนวนพระเครื่องนั้น เพียงแค่ของพวกตนที่มาในวันนี้ ก็มีจำนวนถึง 20 กว่าชิ้นแล้ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพระครูเกษม และหลวงพ่อเผชิญ เคยมีปัญหาบาดหมางกันมาก่อน ถึงขั้นไม่ร่วมวงฉันภัตตาหารด้วยกัน ส่วนกลุ่มลูกศิษย์ไม่มีการแบ่งฝ่าย
ด้าน นายสุชิน กล่าวว่า เมื่อไปขอพระเคริ่องคืน เจ้าอาวาสรูปใหม่แจ้งว่าจะจัดตั้งคณะกรรมการก่อน แต่จนถึงขณะนี้ กลับไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการแต่อย่างใด และบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ ตนจึงต้องมาร้องกองปราบปราม โดยส่วนตัว ตนคิดว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ต้องการยึดพระเครื่องทั้งหมดไว้เป็นของตนเอง ที่ผ่านมาไม่มีใครได้พระเครื่องกลับคืนไป แม้กระทั่งผู้เสียหายรายหนึ่งที่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร
Advertisement