เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 24 ต.ค.63 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมายังบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมสังเกตการณ์กิจกรรมการชุมนุม เรียกร้องให้ “ปล่อยตัวกลุ่มแกนนำมวลชนคณะราษฎร 2563 ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ก่อนจะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งเกี่ยวข้อเรียกร้องต่างๆระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่ตนเดินทางมาในวันนี้เป็นเพียงการมาสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเพียงเท่านั้น หากถามว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งนั้น ในมุมมองของตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมทำตามด้วยการลาออกอย่างแน่นอน เพราะลักษณะนิสัยส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดื้อรั้น ส่วนเรื่องที่รัฐบาลเคยบอกว่าให้ถอยคนละก้าว พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่ได้บอกว่าถอยเรื่องใด อาจจะเป็นการยอมยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นในมุมมองของกลุ่มผู้ชุมนุมคงไม่พอใจแน่ เพราะการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เหมือนกับการย้อนเวลาพาประเทศกลับไปวันที่ 14 ต.ค. เท่านั้นเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉะนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมคงไม่ยอมแน่เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการคือการความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง คือ การให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังข้อสังเกตุเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม ที่มีลักษณะเหมือนกับ 2 มาตรฐาน เพราะที่ผ่านมายังไม่ปรากฎว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมฝั่งสนับสนุนรัฐบาลถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด มีเพียงแต่กลุ่มผู้ชุมนุมฝั่งต่อต้านรัฐบาลที่ถูกดำเนินคดี อีกทั้งในวันที่มีการชุมนุมพร้อมกันทั้ง 2 กลุ่ม ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เหตุใดจึงมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลน้อยกว่าที่ควรจะเป็นคล้ายกับจงใจให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้เปรียบเหมือนการซ้ำเติมปัญหาความขัดแย้งเดิมให้หนักขึ้นไปอีก
Advertisement