จากกรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายพ่อค้าหมูปิ้งจนได้รับบาดเจ็บ ดวงตาปูดเขียวช้ำ และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย เพื่อยึดพื้นที่ขายของ พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ใกล้ที่พยายามจะเข้าไปห้าม ถูกลูกหลงช่วงชุลมุนไปตาม ๆ กัน นอกจากนี้กลุ่มชายฉกรรจ์ยังพยายามจะใช้ปืนยิงกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าด้วย แต่เคราะห์ดีที่ปืนยิงไม่ออก จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกยิงในครั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด (9 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีกลุ่มชายฉรรจ์รุมทำร้ายร่างกายพ่อค้าขายหมูปิ้ง บริเวณริมถนนสุขุมวิท ใต้ทางด่วนเพลินจิต พร้อมแถลงผลการจับกุม 4 ชายฉกรรจ์ที่ร่วมก่อเหตุเรียกเก็บค่าคุ้มครอง และทำร้ายร่างกายพ่อค้าหมูปิ้ง
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ทางเพจสายไหมต้องรอด ได้พาผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่ม ชายฉกรรจ์ดังกล่าว ต่อมาตำรวจฝ่ายสืบสวน สนลุมพินี ได้ ลงพื้นที่สืบสวน ตรวจสอบกล้องจรปิด รวมถึง คลิปวีดีโอที่ประจักษ์พยานถ่ายไว้ พบว่าผู้ต้องหา คือนายวิโรจน์หรือต๊ะ ด้วงทิพย์, นายณัฐพงษ์หรือกุ้ง ด้วงทิพย์, นายชูเดช หรือแบล็ก สุริยมนต์ และนายสุรชัยหรือทู หรุ่นรักษ์ญาติ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติทั้ง 4 คน พบว่ามีประวัติอาชญากรรมมาจากโชกโชนทั้งคดีพกพาอาวุธมีด และคดีจำหน่ายสินค้าปลอม
ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายวิโรจน์ รับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุ ได้ไปเจรจาขอแบ่งเวลาใช้พื้นที่ในการตั้งแผงลอยขายของ กับทางผู้เสียหายแต่ตกลงกันไม่ได้ จนมีปากเสียงและท้าทายกันไปมาจนเรื่องบานปลาย เกิดการชุลมุนกันขึ้น พร้อมยอมรับว่าในวันดังกล่าวมีการพกพาอาวุธปืนไปด้วย ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและซ่องโจร
พล.ต.ต. จิรสันต์ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา “ซ่องโจร” เท่ากับว่าคดีนี้มีผู้ต้องหาตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ดังนั้นคนที่เหลือตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ลุมพินีและตำรวจ สืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 5 อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล โดยเฉพาะ 2 คนที่ขับรถจักรยานยนต์ เข้าไปในพื้นที่ ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดหรือไม่ พร้อมยืนยันไม่มีมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่นครบาลอย่างเด็ด
ส่วนพื้นที่เกิดเหตุที่มีปัญหานั้น เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ก่อนหน้านี้มีการเช่าสัมประทานมาเปิดตลาด แต่หลังเกิดภาวะโควิด-19ระบาด สัญญาเช่าหมดลง ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในการแย่งพื้นที่ทำกิน ยื่นยันหากมีมาเฟีย ตำรวจจะไม่ปล่อยจะกวาดล้างแบบถอนรากถอนโคน ไม่ให้มารังแกคนหาเช้ากินค่ำ
เบื้องต้นตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขัง ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเวลา 10.00 น. พร้อมคัดค้านการประกันตัว
Advertisement