เมื่อวันที่ 19 ก.ย. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ.พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ.จับกุมนายอภิวัฒน์ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ 339/2567 ลงวันที่ 26 มิ.ย. 2567 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ทุจริตหรือหลอกลวง โดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ,เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร” โดยจับกุมได้ภายในซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 27 แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีมิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งปลอมเฟซบุ๊กทำทีตีสนิทหญิงสูงวัยรายหนึ่งที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคกระดูกและเส้นประสาท ก่อนอ้างว่าตนเองเป็นหมอรักษากระดูกและเส้นประสาททำงานอยู่ต่างประเทศ คอยให้คำปรึกษาต่างๆนานา
กระทั่งเมื่อเห็นว่าเหยื่อเริ่มหลงเชื่อ จึงออกอุบายแสร้งว่าจะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาเยี่ยมบุตรสาว และจะช่วยรักษาอาการป่วยของผู้เสียหายให้หายขาดให้ แต่ตอนนี้ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จะขอยืมเงินจากผู้เสียหายมาสำรองจ่ายก่อน
โดยหากมาถึงไทยจะนำทองคำและเพชรพลอยติดตัวมาด้วยเพื่อนำใช้คืนให้กับผู้เสียหาย แต่การจะนำสิ่งของมีค่าเหล่านี้เข้าประเทศจะต้องมีการเสียภาษี จึงจำเป็นต้องใช้เงินเป็นอย่างมาก ด้วยความไว้ใจผู้เสียหายจึงยอมโอนเงินให้มิจฉาชีพกลุ่มนี้
กระทั่งเมื่อถึงวันเดินทางมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้ทำทีติดต่อมายังผู้เสียหายอีกครั้ง อ้างว่าเกิดปัญหาระหว่างเดินทาง เนื่องจากถูกจับคดียาเสพติด ต้องใช้เงินประกันตัวจึงจะสามารถนำของมีค่าที่ติดตัวมาคืนผู้เสียหายได้
ด้วยความที่ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินที่โอนไปให้ก่อนหน้านี้กลับคืน จึงตัดสินใจโอนเงินไปให้เพิ่มอีกรวมเป็นเงินทั้งหมดกว่า 1 ล้านบาท แต่เมื่อกลุ่มมิจฉาชีพได้เงินก้อนใหญ่จากผู้เสียหายในครั้งนี้ จึงเริ่มออกลายโจร ตัดขาดการติดต่อแล้วหอบเงินทั้งหมดหนีหายไป ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ห้วยใหญ่ จนมีการออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า ปัจจุบัน นายอภิวัฒน์ 1 ในผู้ร่วมขบวนการ และเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินจากเหยื่อ ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน นายอภิวัฒน์ ให้การปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นสมาชิกร่วมขบวนการหลอกเงินเหยื่อ แต่ยอมรับว่าเมื่อปี 2564 ตนเองและแฟนสาวเคยถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแอดมินส่งลิงค์เพจต่างๆ ไปยังบุคคลอื่น ผ่านทางข้อความ SMS อยู่ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งในระหว่างที่ทำงานดังกล่าวอยู่นั้น ได้ถูกนายทุน ยึดสมุดบัญชีธนาคาร และ เอกสารส่วนตัวอื่นๆทั้งหมดไป จึงเชื่อว่าบัญชีธนาคารของตนน่าจะถูกนำไปใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่ง สภ.ห้วยใหญ่ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป