เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.63 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว รอง ผกก.6 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นายชาญณรงค์ ชูถึง อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ที่ จ.262/2563 ลงวันที่ 26 ส.ค.2563 ข้อหา “ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์” ได้ภายในห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ม.5 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2562 ขณะที่นายธีระพงค์ ฉ่ำชะนะ อายุ 38 ปี และนายธีระวัฒน์ เกิดแก้ว อายุ 27 ปี กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม หลังเดินทางไปเที่ยวงานเกษตรแฟร์ ซึ่งจัดขึ้นภายใน ม.ทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ได้มีคนร้ายขับรถยนต์ตามประกบก่อนใช้อาวุธปืนสงครามไม่ทราบชนิด กระหน่ำยิงใส่ทั้งสองคน จนเป็นเหตุให้นายธีระพงค์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนนายธีระวัฒน์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าพะยอม สืบทราบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวคือนายชาญณรงค์ ผู้ต้องหารายนี้ และพวกอีก 1 คน โดยมีสาเหตุมาจากผู้ตายติดค้างเงินค่ายาเสพติดของนายชาญณรงค์และพวก ซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกจับกุมไปไม่นานนี้ ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจออกหมายจับ ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะสืบทราบว่านายชาญณรงค์ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักของภรรยา ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบตัว พบเพียงยาเสพติดเป็นไอซ์ จำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 7.55 กรัม และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่งจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนขยายผลจนทราบว่าก่อนหน้าเจ้าหน้าที่จะมาถึง นายชาญณรงค์ได้ไหวตัวทันหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนักจึงเร่งนำกำลังไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว คงเหลือผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 รายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
จากการสอบสวน นายชาญณรงค์ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายชาญณรงค์ ยังพบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชติดตัวอีก 2 คดี เบื้องต้นจึงส่งตัวให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.จุฬาภรณ์ ดำเนินการตามหมายจับคดียาเสพติด ก่อนประสาน สภ.ป่าพะยอม อายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
Advertisement