พลตำรวจตรีอำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกนายมาริโอ เมาเร่อ นักแสดงชื่อดังมาให้ปากคำในฐานะพยาน จากกรณีที่มีรายชื่อครอบครองทะเบียนรถโบราณจากแก๊งสวมทะเบียนรถ พร้อมกับนำสำเนาการซื้อขายรถมาเป็นหลักฐาน และยังได้สอบพยานเพิ่มอีก 2 คน คือ นายก้อง ผู้เสนอขายรถให้มาริโอ และพี่ชายของนายก้อง ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับนายแม็ก หนึ่งในผู้ต้องหาเพื่อซื้อขายรถ
ทั้งนี้นายมาริโอให้ข้อมูลว่า ได้ติดต่อซื้อรถจากนายก้องตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2565 โดยมาริโอรู้จักกับนายก้องรู้จักกันมาสองถึงสามปีจากการซื้อขายเฟอร์นิเจอร์โบราณกันมาก่อน เมื่อนายก้องมาเสนอขายรถเบนซ์ g300 ให้พร้อมทะเบียนรถ ในราคา 1,500,000 บาท โดยราคาในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท จึงสนใจและได้ตกลงซื้อขายรถโดยวางมัดจำล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท และตกลงว่าจะส่งมอบรถภายใน 60 วันตามสัญญา แต่ภายหลังนายก้องแจ้งว่ารถมีปัญหาไม่สามารถส่งมอบ ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดจึงได้ยกเลิกสัญญาและคืนเงินมัดจำทั้งหมด
ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปเปลี่ยนรายชื่อตนเองในทะเบียนรถนั้นนายมาริโอให้เหตุผลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างกรมขนส่งทางบกอายัดทะเบียนไว้เพื่อตรวจสอบจึงไม่สามารถเปลี่ยนรายชื่อได้
โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำพยานรายอื่นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้รับรองทะเบียนรถยนต์ทั้ง 65 ราย ไปเกือบทั้งหมดแล้วยังเหลืออีก 2-3 รายที่อยู่ต่างประเทศ อยู่ระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าให้ปากคำ
พลตำรวจตรีอำนาจกล่าวว่า นายมาริโอมีความกังวล เพราะคดีนี้เป็นที่สนใจของสังคมและต้องการค้นหาความจริง ซึ่งข้อมูลจากการสอบปากคำนายมาริโอและพยานรายอื่น ๆ เจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาอีกว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ก่อนรวบรวมและนำไปประกอบกับผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจากกรมการขนส่งทางบกที่ขณะนี้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และจะนำไปประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ส่วนรถยนต์ที่มีทะเบียนเกี่ยวข้องกับแก๊งสวมรอยทะเบียนรถทั้งหมด 65 คันนั้น เจ้าหน้าที่สามารถยึดมาได้แล้วทั้งหมด 16 คัน หลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ด้านนายมาริโอกล่าวสั้น ๆ หลังให้ปากคำว่า ไม่มีความกังวล ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ และได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหมดแล้ว และยังยืนยันว่าสิ่งที่ซื้อมาถูกต้อง ส่วนเรื่องของรายละเอียดขอให้ถามทางผู้ใหญ่ ที่เหลือนอกจากนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ
Advertisement