เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มี.ค.64 นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานางกณิศฐ์ฐา พันธุ์สวัสดิ์ อายุ 33 ปี ภรรยาของ ร.ท.รุ่งเฉลิม พันธุ์สวัสดิ์ หรือหมวดบอล อายุ 34 ปี นายทหารหัวหน้าหมวดดุริยางค์ทหาร มณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ที่ถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิตภายในค่ายพระยอดเมืองขวาง อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อคืนวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือร้องความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. เพื่อขอให้โอนย้ายคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบ หลังคดีผ่านมากว่า1 เดือน แต่กลับยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
นางกณิศฐ์ฐา กล่าวว่า ตนให้โอกาสตำรวจพื้นที่ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่เข้าไปยุ่งก้าวก่าย หวังจะได้รับความเป็นธรรม แต่เเล้วกลับไม่มีคำตอบเเละความชัดเจนว่าสาเหตุที่สามีถูกยิงเพราะอะไร เเละยังไม่มีการระบุตัวคนผิดว่าใครเป็นมือปืน หรือสั่งการ ทำให้ตนเเละครอบครัวยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขยังคงต้องหวาดระเเวงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ตนยังตั้งข้อสังเกตหลังเกิดเหตุขณะที่ตนเองมาจัดการงานศพเเละเอกสารต่างๆ ของสามีที่วัด เเต่เมื่อกลับไปที่บ้านพักในค่ายกลับพบว่ามีแม่กุญเเจดอกใหญ่มาล็อกประตูบ้านของตนนอกเหนือจากที่ตนล็อคไว้ เมื่อไปขอกุญเเจจากทหารในค่ายก็มีการอ้างว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นผู้สั่งการให้ปิดล็อกพร้อมขึ้นป้ายประกาศอ้างกับตนว่าบ้านหลังนี้เป็นที่เกี่ยวข้องที่เกิดเหตุ โดยส่วนตัวมองว่าจุดเกิดเหตุเป็นถนนในค่ายไม่ใช่ที่บ้านจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าคนในครอบครัวกำลังถูกจับตาตลอดการเคลื่อนไหวทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย
นางกณิศฐ์ฐา กล่าวอีกว่า สำหรับตัวผู้ก่อเหตุยังเชื่อและสงสัยว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนที่อยู่ในค่าย เนื่องจากเป็นพื้นที่ทหาร หากเกิดเหตุเลวร้ายเช่นนี้ คนร้ายคงไม่สามารถลอยนวลอยู่ได้ อีกทั้งสามีของตนก็เป็นกำลังพลอยู่ในค่าย เเต่เหตุใดทุกคนกลับนิ่งเฉย ทั้งนี้ยืนยันว่าหลังเกิดเหตุที่ผ่านมาไม่เคยมีการติดต่อจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสามี มีเพียงนายทหารชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชา สอบถามด้วยความห่วงใย ส่วนจุดเกิดเหตุเมื่อก่อนเคยมีกล้อง แต่เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่กลับอ้างว่าวันดังกล่าวมีการซ่อมแซม ตนจึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อกองปราบปรามเพื่อขอให้รับโอนสำนวนมาทำและเรียกร้องความยุติธรรมและเกียรติศักดิ์ศรีให้กับสามี
ด้านนายรณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ผ่านมากว่า 1 เดือน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากถูกแทรกแซงโดยผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และเรื่องนี้เกิดขึ้นในค่ายทหารซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะ พลเรือนทั่วไปคงเข้าไปได้ลำบาก และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าแต่มีการไตร่ตรองไว้ก่อน นอกจากนี้บ้านพักของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในค่ายทหารยังถูกล็อก อ้างว่าเป็นที่เกิดเหตุทั้งที่ไม่ใช่ความจริงและตามระเบียบกองทัพบกสามารถอยู่ต่อได้อีก 5-6 เดือน ขณะที่ทางพนักงานสอบสวนเบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องทุกข์เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนรายงานส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
Advertisement