เมื่อวันที่ 13 มกราคม 64 ที่ สน.วัดพระยาไกร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พานายชาตรี หรือ โจ ศรีสมบัติ อายุ 19 ปี และนายนพเก้า อบถม หรือตูมตาม สองผู้ต้องหาคดีเคนมผงทำคนตาย ไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ ทางโจนั้นได้เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้เสพกัญชาและไม่เคยเสพเคนมผงหรือรับมาขายตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเลย ยืนยันว่าตัวเองไม่มียาเสพติดไว้ในครอบครอง แม้ว่าข้อมูลจากทางตำรวจจะเชื่อว่าตัวเองเป็นคนรับยาจากตูมตามก่อนนำมาขายต่อให้กับนายวิรัฐ หรือ ป๋อง กาเผือก และนายวัชระ หรือ โบ้ เชียงฉิน เอาไปเสพกันแล้วมีคนตายก็ตาม
ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ่อแม่ของโจได้เดินทางมาเยี่ยมลูก พร้อมกับยืนยันว่า ลูกไม่ใช่ผู้ขายยารายใหญ่ โดยถูกตำรวจตั้งข้อหากล่าวเกินกว่าเหตุ นายโจยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันกับการตายของผู้เสพยาเกินขนาด เนื่องจากวันที่เกิดเหตุได้ติดรถจักรยานยนต์ของตูมตามออกมาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ตื่นมาก็มีตำรวจมาปิดซอยในบ้านเข้าตรวจค้นแล้ว
โดยตัวโจยอมรับว่าเป็นเพื่อนกับนายป๋อง ยาเสพติดที่ครอบครอง คือ เคชนิดเกล็ด ไม่เคยขายเคนมผง ในกลุ่มจะเรียกกันว่า ชาเขียว ซึ่งผู้ที่เสพเหมือนกันก็ใช้ยาตัวเดียวกัน โดยเสพไป 4 กรัม ตนก็ยังไม่เป็นอะไรเลย ของแบบนี้อยู่ที่สภาพร่างกายแต่ละคน คาดว่าเคนมผงนั้นทางกลุ่มผู้เสพคงนำไปผสมกันเอง
ขณะที่เเม่ของนายป๋อง เจ้าของบ้านที่มีคนเสียชีวิต กล่าวว่าตนคงไม่ประกันตัวลูกชายเพราะไม่มีหลักทรัพย์ ปล่อยให้ลูกถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการพูดคุยกันกับป๋อง ลูกถึงกับร้องไห้เพราะกลัวติดคุกนานหลายปี เเละกลัวว่าเมื่อพ้นโทษจะไม่เจอเเม่ เพราะเเม่อายุเยอะเเล้ว ขณะเดียวกันแม่เล่าว่า วันที่เกิดเหตุพ่อได้พยายามให้ทุกคนกลับบ้านแล้ว แต่ก็ยังกลับมาอีก
Advertisement