เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3.บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าอาวุธ เบล 1,000 กระบอก หลังมีการเปิดปฏิบัติการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 16 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ 6 คัน บ้านพักจำนวน 2 หลัง เรือ 5 ลํา อาวุธปืน จํานวน 17 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดต่างๆ กว่า 10,000 นัด ใบ ป.3 จํานวน 36 ใบ ใบ ป.4 จํานวน 490 ใบ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จํานวน 28 เล่ม
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 16 ราย ที่ถูกจับกุมตัวมานั้น เบื้องต้นพบเป็นต้องหาสำคัญจำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายดนุพล ยงพงศ์ อายุ 32 ปี เบล แสมสาร หรือ เบลล์ 1,000 กระบอก อายุ 32 ปี จับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 143/22 หมู่บ้านนาวีเฮ๊าส์ 43 ม.4 พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ,นายดงพล รุจิธรรมธัช อายุ 49 ปี นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี จับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายสาวิตร เจียมจิระ อายุ 60 ปี อดีตนายอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ น.ส.กรณิศ เป๋าทุ้ย อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่อำเภอไทรโยค และ นายญาณเดช เอี่ยมสะอาด อายุ 31 ปี เจ้าหนาที่อาสา ที่ทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อคนขอใบอนุญาต จับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 ตํารวจ กก.ตชด.34 และทหาร ได้จับกุมขบวนการค้าอาวุธสงคราม พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม จํานวน 25 กระบอก, เครื่อง กระสุนปืนกล ลูกระเบิดขว้างสังหาร จํานวนหลายรายการ รวมถึงวันที่ 30 ก.ค.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากร จังหวัดหนองคาย ได้ทําการตรวจยึดอาวุธปืน ขนาด .22 จํานวน 35 กระบอก จึงขยายผลตรวจสอบก่อนพบว่า เตรียมนำไปส่งขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี นายดนุพล หรือเบล เกี่ยวข้องเขื่อมโยงทั้งสองเคส ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงสั่งการให้เร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลเรื่อยมาเพื่อทำลายเครือข่ายดังกล่าวให้สิ้นซาก
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเครือข่ายดังกล่าวมีการทำกันเป็นขบวนการ มีการวางแผนการทํางานในลักษณะกลุ่มอาชญากร แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน อาทิ กลุ่ม1.กลุ่มนายทุน 2.กลุ่มนายดนุพล หรือเบล ซึ่งมีหน้าที่หาคนทําใบ ป.3 และขนส่งอาวุธ 3.กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ออกใบอนุญาติ และ 4.กลุ่มร้านปืน นอกจากนี้ยังพบพยานหลักฐานสําคัญ ว่าขบวนการนี้มีแผนประทุษกรรมเอาชื่อบุคคลอื่น หรือคนในขบวนการ มาขอใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน (ป.3) จากการตรวจสอบพบมีการขอใบ ป.3 มากกว่า 2,000 ใบ ประกอบไปด้วย อาวุธปืนลูกซอง ขนาด .22 และ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ซึ่งเดิมที นายดนุพล จะมีฉายา เบล ร้อยกระบอก แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเคยสามารถจัดทำใบอนุญาตได้กว่า 2,000 กระบอก จึงเปลี่ยนฉายาเป็น เบล พันกระบอก “โดยบุคคลที่มาขอออกใบ ป.3 ส่วนใหญ่มี พฤติการณ์ที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อ้างว่าขอมาใช้เพื่อการกีฬา บางส่วนไม่ทราบถึงสาเหตุในการยื่นคําร้อง ขอใบ ป.3 โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนแบบ ป.3 ร่วมดําเนินการ ปลอมเอกสารและออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) ซึ่งเป็นเอกสารเท็จให้ เมื่อได้รับใบอนุญาตซื้ออาวุธปืนซึ่งเป็นเอกสารเท็จแล้ว แล้วกลุ่มขบวนการดังกล่าวก็จะทําการซื้ออาวุธปืนที่ร้านจําหน่ายอาวุธปืน จากนั้นส่งอาวุธปืนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีการจําหน่ายในตลาดมืดภายในประเทศด้วย จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวจะได้กําไรจากการจําหน่ายอาวุธปืนกระบอกละ 30,000 – 50,000 บาท เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังพบเงินหมุนเวียนในขบวนการมากกว่า 150 ล้านบาท” ผกก.3 บก.ป. กล่าว
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 16 คน ส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ มีเพียงบางส่วนที่ยังคงยืนกรานปฏิเสธ โดยเฉพาะ นายดนุพล หรือ เบล ที่ในชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธ และ ไม่ขอให้การใดๆในชั้นจับกุม อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะยังคงดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่อง เพื่อเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่กระนั้นเขื่อว่าตัวการสำคัญของขบวนการดังกล่าวได้ถูกจับหมดสิ้น ไม่น่าจะมีตัวการใหญ่กว่านี้อีกแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ผลพวงจากการกระทำของขบวนการดังกล่าว ส่งผลให้ในปัจจุบันกลุ่มอาชญากรสามารถจัดหาอาวุธปืนเถื่อน หรือ อาวุธสงคราม มาครอบครองกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งการกวาดล้างจับกุมครั้งนี้จึงเหใือนกับเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมให้ลดน้อยลง และ แน่นอนหลังจากนี้จะยังคงเร่งดำเนินการขยายผลต่อเนื่องว่าปืนเถื่อน และ ปืนสวัสดิการเหล่านี้มีที่ไปที่มาอย่างไร และ ยังมีเจ้าหน้าที่รายอื่นเกี่ยวข้องหรือมีส่วนรู้เห็นเพิ่มเติมด้วยอีกหรือไม่ และหากพลว่ามครผิดหรือเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการส่วนไหนก็ตาม
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ทางตำรวจยังได้ประวานความร่วมมือกับทาง ป.ป.ง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน จนสามารถตามยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดรวมกว่า 50 ล้านบาท ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวในการออกใบอนุญาต ใบ ป.3 ที่ถูกจับกุมในวันนี้ แบ่งเป็น นายอำเภอที่ยังอยู่ในราชการ 1 คน และ เกษียณอายุราชการ 1 คน และหากขยายผลเพิ่มเติมพบว่ายังมีเจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือ ข้าราชการหน่วยใดเกี่ยวข้องยืนยันจะดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น
Advertisement