ผบช.สพฐ.เผย จำกัดจุดต้นเพลิงไฟไหม้ชุมชนเยาวราชได้แล้ว แต่ยังไม่ชี้ชัดหลังไหน รอตรวจสอบอีกครั้ง

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ย่านเยาวราช มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ประมาณ 30 หลังคาเรือน ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เพลิงได้ลุกไหม้อาคารเลขที่ 12 มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสำลักควัน 3 ราย มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือนมีประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 200 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่า เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายยังอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่และยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในซอยเนื่องจากบริเวณซากอาคารมีความเสี่ยงที่จะถล่มลงมาอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้

โดยเบื้องต้นยังไม่ได้มีการตรวจพิสูจน์สาเหตุเพลิงไหม้จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพราะยังอยู่ในขั้นตอนที่เรียกว่า “การดับถ่าน” เพื่อป้องกันการปะทุซ้ำของเชื้อเพลิง ทั้งนี้จากการสอบถามนายนพดล หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย เผยว่า เมื่อตอนที่เกิดเหตุ ตัวเองเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดชลบุรี เมื่อทราบข่าวจึงรีบกลับมา เเต่ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปดูบ้าน ซึ่งตัวเองก็เข้าใจ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าบ้านพังเสียหายมากน้อยเเค่ไหน เเต่คาดว่าทรัพย์สินที่มีค่าโดนเผาไปทั้งหมด

“ส่วนสาเหตุที้เกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ ตนเองยังไม่ทราบสาเหตุที่เเน่ชัด เเต่มีคนได้ยินเสียงคล้ายกับเสียงระเบิด สิ่งที่ต้องการในตอนนี้คืออยากได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม เพราะตอนนี้ตัวเองยังตกงานอยู่” นายนพดลกล่าว

ด้านพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ นานกว่า1ชั่วโมงว่า เบื้องต้นพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านเรือนปลูกติดกันมีทั้งบ้านเรือนที่เป็นโครงสร้างไม้และปูนกับไม้ ส่วนจุดต้นเพลิงพอสันนิษฐานลงและสโคปได้แคบลงแล้ว ทั้งการสอบปากคำพยานที่เป็นนักท่องเที่ยวได้ถ่ายคลิปวิดิโอไว้ กำลังติดตามและเชิญเข้ามาให้ข้อมูลยังไม่แน่ชัดว่าเดินทางกลับประเทศแล้วหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบในจุดเดียวกันและเดินเก็บพยานหลักฐานในจุดที่มีการเผาไหม้สมบูรณ์ มีความเสียหายเยอะที่สุด เชื่อว่าบริเวณดังกล่าวน่าจะเป็นจุดต้นเพลิง แต่เนื่องจากโครงสร้างไม่แข็งแรงและจุดที่คาดตะคะเนไว้ว่าเป็นจุดต้นเพลิงมีเศษซากปรักหักพังทับถมอยู่จำนวนมาก ต้องเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยวันนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานชุดเกิดเหตุและตรวจเคมีฟิสิกส์ มาเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าและเก็บข้อมูลไปส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนจุดที่คาดว่าเป็นจุดต้นเพลิงต้องขอเข้ามาเก็บหลักฐานอีกครั้ง เพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง

ส่วนที่มีรายงานว่าจุดต้นเพลิงเป็นร้านขนมที่มีการต่อเติมนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า เนื่องจากพื้นทีที่มีการสโคปไว้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าเป็นหลังไหน แต่สามารถจำกัดพื้นที่ที่มีประมาณ 3-4 หลัง จึงต้องรอตรวจสอบก่อน โดยเฉพาะรอให้ตำรวจหรือกู้ภัยรื้อซากที่พังทับถมออกมาดูก่อน โดยจะมีการนัดหมายกับทาง บก.น.6 อีกครั้งว่าจะเข้ามารื้อไว้ไหน ทาง พฐ.ก็จะเข้มมาด้วยในเวลาเดียวกัน จะได้จัดเก็บพยานหลักฐานอีกชั้นนึง ว่าบ้านหลังไหนเป็นต้นเพลิงจริงๆ

ส่วนด้านในขณะที่เจ้าหน้าที่จัดเก็บหลักฐานและบินโดรนอยู่นั้น จุดที่ยืนอยู่มีพื้นไม้และมีควันปะทุขึ้นมา เพราะด้วยสภาพอากาศที่ร้อนมีลมและอากาศที่ถ่ายเทเข้ามาทางเจ้าหน้าที่ต้องมีการฉีดน้ำดับอีกครั้งและพฐ.ก็ออกมาก่อน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ย้ำว่าในส่วนของสาเหตุนั้น เนื่องจากจุดที่เชื่อว่าเป็นจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณหนึ่ง มีจำนวนหลายหลังจึงยังระบุชัดเจนไม่ได้ ส่วนในพื้นที่จะอนุญาตให้ประชาชนเข้าไปได้หรือไม่ เพราะบางคนเป็นห่วงเรื่องทรัพย์สินนั้น ต้องให้ตำรวจท้องที่และทางกรุงเทพมหานครประเมินเรื่องความปลอดภัยก่อน เพราะบางจุดมีควันไฟปะทุขึ้นมา ตรงนี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและเศษซากอาคารที่เหลืออยู่ อย่างไรก็ตามทาง พฐ.จะรีบเข้ามาจัดเก็บพยานหลักฐานโดยเร็วเพื่อจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้พนักงานสอบสวนและประชาชนต่อไป พร้อมย้ำว่าตอนนี้ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือความประมาท เพราะจุดต้นเพลิงยังได้แค่การคาดคะเนต้องรอการตรวจสอบ เพราะยังมี 3-5 หลัง ที่ยังเข้าไม่ได้ เพียงแต่วันนี้สามารถจำกัดพื้นที่จุดต้นเพลิงให้แคบลงเท่านั้น และยังเข้าไปจัดเก็บหลักฐานบริเวณดังกล่าวไม่ได้ แต่ได้ตรวจสอบพื้นที่รอบๆก็พบ ตู้เบรกเกอร์ หรือตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้า พบว่ายังปกติอยู่ จึงยืนยันได้ว่าจุดต้นเพลิงยังเข้าไปไม่ถึง ส่วนที่มีข่าวว่าคนที่อยู่ด้านในมีการเตือนกันว่าห้ามพูดเพราะอาจถูกดำเนินคดีนั้น เรื่องนี้เป็นหน้าที่ฝ่ายสืบสวนว่าจะหาพยานบุคคลมายืนยันได้อย่างไร

Advertisement