ป.ป.ส. ร่วมกับ AITF รวบแก๊งจีนฮ่องกง ขนเฮโรอีน 14 กก. ซุกกล่องขนมหวังตบตา คาสนามบินสุวรรณภูมิ

(16 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. ชั้น 4 อาคาร 2 สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร และนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมและตรวจยึดของกลางยาเสพติด โดยจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 4 รายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของกลางพบเฮโรอีน หนัก 14 กก. อำพรางซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางเตรียมเดินทางไปยังประเทศปลายทางฮ่องกง

โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากการประสานข้อมูลการสืบสวนร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และตำรวจปราบปรามยาเสพติดฮ่องกง โดยพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดชาวจีนฮ่องกง จำนวน 4 ราย แบ่งเป็น ผู้ลำเลียงยาเสพติด 2 ราย และผู้ควบคุมทีมลำเลียงยาเสพติด 2 ราย โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดประเภทเฮโรอีนจากประเทศไทยไปฮ่องกง จึงได้สั่งการให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายและประสานชุดปฏิบัติการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) เฝ้าติดตามพฤติการณ์กลุ่มบุคคลดังกล่าว ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มเป้าหมายทั้ง 4 คน จะเดินทางเข้าประเทศไทยและแยกย้ายกันเข้าพักตามโรงแรมในพื้นที่ห้วยขวางและรามคำแหง จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมศุลกากร การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หน่วยข่าวกรองทางทหาร และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 (ขกท.ศปก.ทภ.1) ร่วมกันเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยอีกว่า กระทั่งช่วงดึกของวันที่ 14 ส.ค. เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องสงสัยได้ลงมารับกระเป๋าเดินทางต้องสงสัยจากรถยนต์เก๋งคันหนึ่ง บริเวณข้างโรงแรมที่พักย่านห้วยขวาง จึงเชื่อได้ว่าภายในบรรจุยาเสพติด จนถึงวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น.พบว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย ได้แยกย้ายเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเมื่อไปถึงยังท่าอากาศยานฯ เจ้าหน้าที่พบว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 รายเข้าห้องน้ำไปพร้อมกัน จึงเชื่อได้ว่ามีการส่งมอบยาเสพติดเพื่อเตรียมลำเลียงออกไปยังฮ่องกง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น ก่อนเชิญตัวไปยังจุดตรวจเอกซเรย์ ผลการตรวจค้น พบเฮโรอีน จำนวน 40 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 14 กก. ซุกซ่อนอยู่ในกล่องขนมขบเคี้ยวภายในกระเป๋าเดินทางแบบลาก จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ได้

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยต่อว่า ปัจจุบันปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สามอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ ทางอากาศ ซุกซ่อนในสินค้าต่างๆ ผ่านการขนส่งทางเรือ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดตั้งโครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task force : AITF) และสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force : SITF) เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติต้นทางในการสกัดกั้นการนำยาเสพติดเข้าพื้นที่ตอนใน และส่งออกไปยังประเทศที่สาม รวมทั้งประสานความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยงานระหว่างประเทศ จนนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีเครือข่ายชาวจีนฮ่องกงมีความพยายามลักลอบลำเลียงเฮโรอีนจากประเทศไทยไปฮ่องกงในลักษณะเดียวกันนี้หลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนฮ่องกง 4 ราย พร้อมเฮโรอีน 14 กิโลกรัม บรรจุในกระเป๋าเดินทางแบบลาก เตรียมเดินทางออกไปยังฮ่องกงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเช่นเดียวกัน

“ปัจจุบันรูปแบบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเปลี่ยนไป เช่น ขบวนการบริเวณแนวชายแดนหันมาใช้โดรนเพื่อส่งของไปยังพื้นที่ชั้นใน หรือเปลี่ยนมาใช้การขนส่งผ่านทางพัสดุ ทำให้ทุกหน่วยงานจึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบคัดกรองให้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง ป.ป.ส. พร้อมสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์ และให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อไม่ให้ยาเสพติดถูกลำเลียงเข้ามาในประเทศไทย” เลขา ป.ป.ส. กล่าว

 

ด้านนายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาแบ่งเป็น ผู้ทำหน้าที่ลำเลียง 2 คน และผู้ควบคุมการลำเลียง 2 คนจะเข้ามาในประเทศไทยเมื่อได้รับมอบหมายให้ขนส่งยาเสพติด โดยได้รับค่าจ้างครั้งละประมาณ 50,000 ดอลลาร์ฮ่องกง และมีการเปลี่ยนตัวผู้ลำเลียงตลอด อีกทั้งในแต่ละครั้งจะใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 3 วัน โดยจะแยกกันพักคนละโรงแรม นอกจากนี้ ยังคาดว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับกลุ่มชาวจีนฮ่องกงที่ ป.ป.ส. จับกุมได้ก่อนหน้านี้ เพราะมีพฤติการณ์ลำเลียงและจำนวนยาเสพติดของกลางคล้ายกัน ส่วนเฮโรอีนนั้นจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาไปรับมาจากชาวไทย โดยลำเลียงมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะนี้ทราบตัวและเตรียมออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบไปใช้การขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุในปริมาณครั้งละน้อย ๆ 200-300 กรัม เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จึงต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านขนส่งยาเสพติดทั้งการลักลอบนำเข้า-ส่งออกทางท่าอากาศยานและทางท่าเรือ หรือทางบก

ส่วนนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีอุปกรณ์เทคโนโลยีและบุคลากรที่เพียบพร้อมที่จะปฏิบัติการร่วมกับภาคีเครือข่ายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

Advertisement