‘ปิยบุตร’ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 ประชาชน-ส.ส. ก้าวไกล รุดให้กำลังใจหน้า สน.ดุสิต

           เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 65 เวลา 10.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (พงส.) สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ดุสิต ตามหมายเรียกผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ครั้งที่ 1 ซึ่งร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม
           เมื่อ รศ.ดร.ปิยบุตร เดินทางมาถึง มีประชาชนเข้าสวมกอด และมอบดอกกุหลาบสีแดง เป็นกำลังใจก่อนเข้าพบคณะ พงส. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังและแผงรั้วเหล็กปิดกั้นสะพานข้ามคลองเปรมประชากร ทางเข้า สน.ดุสิต ทำให้ระหว่าง รศ.ดร.ปิยบุตร เดินเท้าเข้าไปจึงกล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า “สน. มันเป็นของประชาชนหรือเปล่า ทำไมต้องปิดกั้นขนาดนี้”

            ขณะเดียวกันมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ รศ.ดร.ปิยบุตร มาติดตามการเข้าพบคณะ พงส. ที่ สน.ดุสิต ครั้งนี้ อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม นางสาวเบญจา แสงจันทร์ และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
          ด้าน​รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังเข้าพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (พงส.) สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ดุสิต ตามหมายเรียกผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ครั้งที่ 1 ซึ่งร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม
            รศ.ดร.ปิยบุตร กล่าวว่า ยืนยันว่าข้อความที่คุณเทพมนตรีกล่าวโทษไว้ทั้ง 8 ข้อความ อ่านหมดแล้วไม่มีข้อความไหนเข้าองค์ความผิด ในท้ายที่สุด พงส. มีความเห็นตั้งข้อกล่าวหาและสั่งฟ้องเพียง 1 ข้อความ ผมคิดว่าวิญญูชนคนมีเหตุมีผล มีอัตตวินิจฉัย สติสัมปชัญญะ อ่านข้อความอีกครั้ง พินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่เข้าข่ายองค์ความผิด ตรงไหนก็ไม่เข้า สักคำหนึ่งก็ไม่เข้า ก็เดี๋ยวต่อสู้คดีกันไป คดีที่ผมโดนไม่ใช่ตัวผมคนเดียว แต่เป็นภาพใหญ่ก็การใช้สิทธิเสรีภาพ ทุกท่านยอมรับกันแล้วว่ายุคสมัยปัจจุบันมีความคิดและการแสดงออกของเยาวชนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันจำนวนมาก มีความเห็นว่าเพื่อให้อยู่อย่างปกติสุข ควรมีการพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้พูดคุยกันได้ในรูปแบบวิชาการ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่การแสดงออกของผมกลับถูกดำเนินคดี หากในท้ายที่สุดสังคมเห็นว่าการแสดงความเห็นทางวิชาการนี้ยังโดนคดี จะไม่เห็นพื้นที่พูดคุยในที่สาธารณะได้เลย

            สำหรับคนกล้าวโทษ ก็ไม่เป็นไร ผมไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน อยากเรียนนักร้อง ให้พิจารณาเรื่องกฎหมายบ้าง นี่คือการเอาผิดในทางคดีอาญา มันมีความผิดอยู่ไม่ใช่เอาจินตนาการรู้สึกนึกคิดเอาเอง ไม่ใช่ไปแจ้งความคนเพื่อปิดปากไม่ให้เขาพูด โต ๆ กันแล้วควรคิดได้ ผมไม่เคยคิดจะดำเนินคดี คุณเทพมนตรี สำนักข่าวหรือผู้สื่อข่าว Top News เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่รักผม คนจะรักต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่เอากฎหมายไปหมิ่นประมาท ผมคิดว่าเรามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คิดว่าข้อเสนอของผมไม่ใช่เพิ่งมาพูด แต่พูดมา 10 กว่าปี ข้อความและเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันมาตลอด แต่กลายเป็นว่าพอเข้าสู่แวดวงการเมืองก็ยังเอาเรื่องนี้มากล่าวหาดำเนินคดีอีก ยืนยันว่าความคิดเห็นของผมที่ดำเนินอย่างสุจริตใจ จะดำเนินต่อไป ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผม แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมไทย
            ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ตำรวจเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาจากกรณี เทพมนตรี แจ้งความกล่าวหา ม.112 ตั้งแต่ พ.ย. 64 ถ้อยคำที่มาแจ้งความมีหลายถ้อยคำทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก พงส. เห็นว่ามีข้อความผิดอยู่คือในทวิตเตอร์ 24 ต.ค. 64 “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่างหาก ที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ”
             นายกฤษฎางค์ ชี้แจงว่า รับทราบข้อกล่าวหา และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด ขอเวลาให้ถ้อยคำจะโต้แย้งต่อสู้คดี ภายใน 30 วันนับจากวันนี้ โดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหามาพบด้วยเอง ตลอดจนไม่มีการออกหมาจับหรือหมายขังไว้

            ข้อสังเกตทนาย วันนี้เรามาพบ พงส. ตามนัด ในชั้น พงส. ก็ไม่ได้ควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีอำนาจควบคุมตัว แต่ทาง รอง ผบช.น. ให้ความเห็นว่าน่าจะจัดเงื่อนไขไว้ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวทุก 7 วัน ซึ่งเป็นภาระขึ้นและเป็นเรื่องผิดปกติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากไม่ได้เป็นจำเลยหรือหมายศาล แต่เพื่อไม่ให้ พงส. ลำบากใจ และมาร่วมมือกัน ก็จะมา ไม่ได้ทำให้เราเพิ่มความหนักใจ เพราะเรามีตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเท่าที่เราคุยกับทาง พงส. เพราะถาม พงส. มีแรงกดดันใด ๆ หรือไม่ หรือมีใบสั่งหรือเปล่า ทางรองผู้การ น.1 บอกว่าไม่ต้องกังวลใจ ท่านจะให้ความเป็นธรรม โดยให้พยานหลักฐานมาต่อสู้คดีเต็มที่ คือให้ทำสำนวนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจทุก 6 เดือน

 

Advertisement