เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ธ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดจำนวน 15 คดี ผู้ต้องหา 25 คน ของกลางยาบ้า 1,226,508 เม็ด ไอซ์ 212.9 กิโลกรัม กัญชา 708 กิโลกรัม เคตามีน 102.7 กิโลกรัม เฮโรอีน 1 กิโลกรัม และฝิ่น 16 กรัม รวมทั้งยึดทรัพย์เครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนืออีกกว่า 30 ล้านบาท
โดยมีคดีที่น่าสนใจเป็นคดีเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.1 จับกุมนายหวัง ยุน เว่ย (Mr.Huang-Yun Wei) นายเฉียน เตอ วู่ (Mr.Chien-Te Wu) ชาวใต้หวั่น ข้อหามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามส่งออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางคีตามีนชนิดผงอัดเป็นก้อนกลม บรรจุอยู่ในกล่องชุดสบู่อาบน้ำ จำนวน 177 ก้อน น้ำหนักรวมประมาณ 6,790 กรัม ยาไอซ์ น้ำหนัก 22.90 กิโลกรัม หลังพบว่ามีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดบรรจุในกล่องชุดเซตสบู่ส่งออกไปยังต่างประเทศไต้หวัน จึงแกะรอยสืบหาเบาะแสกระทั่งสามารถจับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. ส่งดำเนินคดี บก.ปส.1 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีน่าสนใจต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมนายศราวุฒิ ชาเทียม และนายนัฐพงษ์ สุวรรณพจน์ สองผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า 1,218,000 เม็ด ได้ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อเนื่องมหาสารคาม ซึ่งการจับกุมดังกล่าวเป็นการขยายผลมาจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด พร้อมของกลางไอซ์ 120 กก. และเคตามีน 10 กก. จึงแกะรอยขยายผลต่อเนื่อง กระทั่งต่อมาได้สืบทราบว่า ขบวนการนี้ จะลำเลียงยาเสพติดอีกครั้ง จึงเฝ้าจับตา จนพบรถยนต์เป้าหมาย โดยมีผู้ต้องหาทั้ง 2 คนขับผ่านมา จึงขอเข้าตรวจค้นก่อนพบยาบ้า 7 กระสอบ ซ่อนอยู่ช่องท้ายรถยนต์ จึงทำการจับกุมและยึดของกลางทั้งหมด
คดีน่าสนใจต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.2 จับกุมอานนท์ บุญมาเลิศ อายุ 28 ปี นายภาณุวัฒน์ บุญมาเลิศ อายุ 41 ปี พร้อมของกลางกัญชาจำนวน 400 กก. สืบเนื่องจากก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ากัญชาจะลำเลียงจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนสู่ภาคกลาง จึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบรถต้องสงสัยซึ่งมีผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นคนขับ จอดปั้มแก๊สแอลพีจี พีโอออย์ สาขา 8 ม.9 ถนนมิตรภาพ ต.โนนข่า อ.พล จ.ขอนแก่น จึงเข้าตรวจสอบจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าว
คดีน่าสนใจอีกคดี เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมยึดไอซ์ 131 กก. ขณะลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนจังหวัดเชียงราย มาส่งให้ผู้รับในพื้นที่ภาคกลาง โดยจับได้ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่า ได้รับการติดต่อจากชาวเขาเผ่าม้ง ตกลงค่าจ้างหลังเสร็จงานเป็นเงิน 6 แสนบาท โดยได้จ่ายล่วงหน้ามาแล้ว 1 แสนบาท จากการตรวจสอบ พบเกือบทั้งหมด ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน
นอกจากนี้ยังมีคดีที่น่าสนใจอีก 5 คดี ที่เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปส.3 ศุลกากร เจ้าหน้าที่ทหาร ศรภ. และ ป.ป.ส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกันตามโครงการความร่วมมือ AITF ตรวจยึดยาเสพติดที่อยู่ในกล่องพัสดุต้องสงสัยตามคลังสินค้าหรือร้านรับส่งพัสดุ ซึ่งทั้ง 5 คดีนี้ปลายทางผู้รับจะอยู่ต่างประเทศทั้งหมด ภายในกล่องยาเสพติดจะถูกซุกซ่อนในสินค้าหลากหลายชนิด เช่น กระปุกข้าวโอ๊ต และกระปุกยาสมุนไพร ตะเข็บเสื้อ เป็นต้น อาทิยาบ้า หรือยาไอซ์ หรือฝิ่น จำนวนครั้งละไม่มากตามลูกค้ารายย่อยต้องการ
พล.ต.ท.สรายุทธ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งหมด พบว่า ส่วนใหญ่ ยังคงเป็นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดด้วยรถยนต์ จากชายภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นเครือข่ายเดิม ๆ ซึ่งตำรวจจะเดินหน้าปราบปรามและสกัดสารตั้งต้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึง เตรียมพร้อมก่อนมีการประกาศใช้กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่จะเน้นการขยายผลยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด ให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล 6,000 ล้านบาท ในปี 2565