(12 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศพดส.ตร.) รับเรื่องร้องเรียนจาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ที่นำผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปค้าประเวณี ที่ประเทศเมียนมา และผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปบังคับทำงานหลอกลวงลงทุนคริปโท ประเทศฟิลิปปินส์ เข้ามาขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายข้ามชาติหลอกลวงไปทำงานยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ นางปวีณาได้ประสานขอความช่วยเหลือมายัง ฉก.ร.14 กรณีที่ น.ส.ติ๋ม (นามสมมุติ) ขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิเพื่อให้ติดตามหาตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) บุตรสาว อายุ 16 ปี ที่ถูกหลอกลวงจากอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้มาค้าประเวณีที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต่อมาตำรวจและทหารร่วมกันสนธิกำลังประสานกับทหารเมียนมาก็สามารถช่วยน้องมาได้เมื่อวันที่ 5 กันยายนในเวลากลางคืนซึ่งมูลนิธิปวีณาพาคุณพ่อคุณแม่มารับน้องที่บ้านพักเด็กตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้มอบหมาย ผบ.ตร.มารับข้อมูล นางปวีณา ทั้งกรณี ฟิลิปปินส์ และเมียนมา ทั้งการหลอกลวงเด็ก หลอกลวงลงทุนคริปโท แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีตลอด โดยเฉพาะพื้นที่แนวชายแดน ดังนั้นทั้งสองกรณี นางปวีณาได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วตนได้รับช่วงต่อในการดำเนินคดี ข้อมูลทั้งหมดได้หารือนางปวีณามาก่อนแล้ว ไล่เส้นทางการเงิน การใช้โทรศัพท์ ซึ่งจะสอบสวนต่อ จะดำเนินคดีทั้งคนไทยที่ร่วมกันหลอกลวงใช้โซเชียลฯ และคนไทยในต่างแดน และคนจีน คนพม่าที่อยู่ในต่างแดน ทั้งกรณีการค้ามนุษย์ และละเมิดเด็ก และสตรี ในปีนี้ ผบ.ตร.จะเน้นปราบปรามให้หนักหน่วง ใช้การป้องกันนำเป็นหลัก กรณีดังกล่าว การหลอกลวงโซเชียลออนไลน์ ที่ตอนนี้ ไม่ใช่ 1 ต่อ 1 แต่เป็น 1 ต่อร้อย ได้ตั้งวอร์มรูมที่สโมสรตำรวจ หลังจากได้รับข้อมูลจะออกหมายจับทั้งในและต่างประเทศ โดยเริ่มจากคนไทยที่ร่วมมือกับต่างชาติแล้วมาหลอกคนไทยด้วยกัน
Advertisement