เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. แถลงผลจับกุมผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับเครือข่ายหลอกขายชุดตรวจเอทีเค มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ประกอบด้วย นายพัสสน บุญพิลา อายุ 22 ปี นายนนธวัฒน์ มีทอง อายุ 27 ปี น.ส.สุวัฒนา เดโช อายุ 33 ปี นายอภิชาติวุฒิ โพธิวิจิตร อายุ 19 ปี นายปฏิพัทธ์ คำฟู อายุ 26 ปี และนายหลง เวียงผาคำ ประชาชนผู้มีปัญหาทางสัญชาติ อายุ 48 ปี โดยทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1057-1062/2565 ลงวันที่ 2 มิ.ย.65 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันโฆษณาเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับ ใบอนุญาต”
พล.ต.ต. อนันต์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายจำนวนมากให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ได้หลอกลวงขายเครื่องมือแพทย์ชุดตรวจโควิด-19 (ATK) ราคากล่องละ 900 บาท ในช่วงที่กำลังขาดแคลน ผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ เพจเฟซบุ๊กชื่อ “ขายส่งชุดตรวจ ATK ทั่วประเทศ” ,เพจเฟซบุ๊กชื่อ “ขายส่งชุดตรวจ ATK” ,เพจเฟซบุ๊กชื่อ “ศูนย์ช่วยเหลืออุปกรณ์ตรวจ ATK” และเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ATK ราคาส่ง/ปลีก” ซึ่งโฆษณาประกาศขายเครื่องมือแพทย์ ชุดตรวจ Antigen test kit ชุดตรวจโควิด-19 โดยเพจดังกล่าวตั้งค่า การมองเห็นแบบสาธารณะที่บุคคลทั่วไปสามารถพบเห็นได้ แต่หลังจากผู้เสียหายหลงเชื่อทักเข้าไปสนทนาในกล่องข้อความของเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว และโอนเงินชำระเรียบร้อยแล้ว ผู้ต้องหาจะทำการปิดกั้น การสนทนากับผู้เสียหายพร้อมยักย้ายถ่ายเทเงินจากผู้เสียหายไป
ด้าน พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า สำหรับบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นจำนวนมาก และตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา ในเว็บไซต์ Blacklistseller ศูนย์กลางการตรวจสอบการฉ้อโกงออนไลน์พบว่ามีบัญชี ธนาคารของผู้ต้องหาที่เชื่อมโยงกับเพจเฟซบุ๊กในลักษณะหลอกขายชุดตรวจโควิด – 19 จำนวนมาก จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ. จึงได้ลงพื้นที่จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ใน จ.เชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี ยโสธร และจ.สงขลา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป เนื่องจากคาดว่ามีผู้เสียหายนับหมื่นราย
Advertisement