“บิ๊กโจ๊ก” เผยการดำเนินคดีกับผู้ค้าสลากออนไลน์ พร้อมผลการจับผู้ต้องหาหลอกหญิงต่างชาติข่มขืน

 

          เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 23 เมษายน ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์​ หักพาล ผช.ผบ.ตร เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้ค้าสลากออนไลน์ว่าทาง พล.ต.อ.สุวัจน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ดำเนินคดีกับทุกแพลตฟอร์ม ไม่มีการยกเว้นแต่อย่างใด สำหรับกรณีที่เมื่อเช้านี้มีบางแพลตฟอร์ม​ยังประกาศขายสลากเกินราคา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องดำเนินคดีอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลใจ จะดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด
“สำหรับในส่วนเรื่องการขายสลากเกินราคา กฎหมายให้มีโทษปรับ ซึ่งก็จะมีผู้ค้าบางรายกลับมาขายเกินราคาอีก เรื่องดังกล่าว การปกครองสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กำลังมีมาตรการในการป้องกันอยู่ อย่างไรก็ตามหากทางเจ้าหน้าที่พบว่ามีการขายสลากเกินราคาก็จะต้องดำเนินคดีและปรับตามกฎหมาย ต่างกรรมต่างวาระ ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวล รวมถึงไม่มีเรื่องการเลือกปฏิบัติอย่างแน่นอน และขอเวลาในการตรวจสอบ” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

ผช.ผบ.ตร. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มต่างๆ นั้น สาเหตุที่ช้าเพราะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด บางแพลตฟอร์มมีดาวน์ไลน์เป็นจำนวนมากกว่า 30,000 ราย ขณะนี้สอบปากคำไปแล้วกว่า 1,700 ปาก ซึ่งบางแพลตฟอร์ม​นั้นค่อนข้างซับซ้อน ไม่ได้เปิดให้คนซื้อกับคนขายมาเจอกันอย่างเดียว หรือบางแพลตฟอร์ม​อาจจะไม่มีสลากจริง แต่เป็นการ วนขายสลาก จึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้แถลงผลการจับผู้ต้องหาคดีข่มขืนเยาวชนหญิงชาวเมียนมาร์ อายุ 17 ปี พร้อมเปิดเผยพฤติกรรมของผู้ต้องหาคนนี้ว่า ใช้ช่องทางการติดต่อผู้เสียหายผ่านเฟซบุ๊ก โดยเข้าไปอยู่ในกลุ่มสมาชิกผู้หางานทำของชาวเมียนมาร์ จากนั้นจะโพสต์ข้อมูล ชื่อพร้อมเบอร์โทร ระบุ มีแท็กซี่บริการรับ – ส่ง ผู้ที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทย
ส่วนผู้เสียหายคนนี้ เดินทางเข้ามาในไทย ตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วนผู้ติดต่อแท็กซี่รับ-ส่ง ให้คือน้าสาว ซึ่งได้ข้อมูลจากกลุ่มหางานชาวเมียนมาร์ เมื่อผู้ต้องหาเข้ารับเยาวชนหญิงจากที่พักขึ้นรถ ก็อ้างว่า ต้องตรวจ เอทีเค พิสูจน์หาเชื้อโควิด-19 ก่อนส่งเข้าที่ทำงาน ผู้เสียหายหลงเชื่อจากนั่นผู้ต้องหาได้ข่มขืน อีกทั้งหลังก่อเหตุยีงพาตัวส่งสถานีตำรวจ เพื่อให้ดำเนิคดีกับผู้เสียหายฐานหลบหนีเข้าเมือง เพื่อหวังผลจะได้ไม่ถุฏแจ้งความคดีข่มขืน

นอกจากนี้การสืบสวนสอบสวนยังพบว่าก่อนหน้านี้ มีการนำส่งแรงงานหญิงไปย่านหนองแขม 1 คน ก่อนส่งตัวไปทำงาน มีหลอกเรื่องตรวจเอทีเค และพาไปที่พัก ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวน อีกประเด็นสำคัญคือ พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนส่งแรงงานข้ามชาติ ลงไปทำงานทางภาคใต้ด้วย ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล
ในเบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุเกินกว่า สิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการ, อนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้าย , กักขังหน่วงเหนี่ยว ผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ,ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศ โดยมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตั้งแต่ 7- 20 ปี และปรับตั้งแต่ 140,000 -400,000 บาท
Advertisement