บช.น. แถลงผลกวาดล้างอาชญากรรมก่อนเลือกตั้ง 9-20 พ.ค. จับกุมผู้ต้องหากว่า 4 พันคน

           เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 65 ที่​ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)​ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร.  พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์  แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. ร่วมแถลงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง ในห้วงวันที่ 9-20 พฤษภาคมที่ผ่านมา

            พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมดังกล่าว สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับ 409 คดี ผู้ต้องหา 400 คน, ความผิดเกี่ยวกับการพนัน 544คดี จับกุมผู้ต้องหาได้571คน, ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 284 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 286คน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2,605 คดี จับผู้ต้องหา 2,627คน, ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 34 คดี จับกุมผู้ต้องหา 42คน, ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 419 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 419คน, ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 16 คดี และ ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร 1 คดี จับกุมผู้ต้องหา 2 คน รวมผลระดมการกวาดล้างคดีอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง สามมารถจับกุมผู้กระทำความผิด 4,312 คดี ผู้ต้องหา 4,347 คน และสามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ แยกเป็นคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.อารุธปืน  ตรวจยึดอาวุธปืน 26  กระบอก เครื่องกระสุนปืน 583 นัด วัตถุระเบิด 3 ลูก และ พลุ ประทัด 3 นัด, พ.ร.บ.ยาเสพติด ตรวจยึดยาบ้า 438,961 เม็ด ยาไอซ์ 1139.698 กรัม, เคตามีน 95.89 กรัม และ เฮโรอีน 11.04 กรัม, ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร สามารถตรวจยึดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 177 แผ่น สำเนาทะเบียนรถป้ายแดง 107 เล่มแผ่นอลูมิเนียมสำหรับทำป้ายทะเบียนปลอม 116 แผ่น เครื่องปั๊มและอุปกรณ์อื่นๆ อีก 196 รายการ

 

           โดยมีคดีที่น่าสนใจ ประกอบด้วยการจับกุมขบวนการลักลอบซุกยาบ้าในรถยนต์ลำเลียงยาเสพติดสู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่าได้รับการว่าจ้างจากนายซาการียา ให้ไปรับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 3กร-7284 กรุงเทพมหานคร ที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งที่ จ.นราธิวาส แต่จากการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบสิ่งของต้องสงสัย คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ดำเนินการการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ทั้งหมด 67 ห่อ หรือประมาณ 396,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ของรถยนต์คันดังกล่าว  หลังจากนั้นเจ้าหน้าสน.บางชันได้ติดตามหาข่าวจนกระทั่งวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมร สามารถทำการจับกุมตัวนายซาการียา อายุ 29 ปี และนายอับดุลเล๊าะ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายโดยเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1”  จากนั้นจึงนำตัวส่ง สน.บางชันดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
            คดีต่อมา เป็นการจับกุมคนร้ายก่อเหตุยิงลูกพี่ลูกน้องวัย 37 เสียชีวิต ก่อนพบศพภายในคลองวังใหญ่ โดย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้เสียชีวิตภายในคลองวังใหญ่ จึงแจ้งแพทย์นิติเวช และ พฐ. เข้าร่วมตรวจพิสูจน์ พบศพนายมนัส (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี เสียชีวิตในคลองที่เกิดเหตุ สภาพศพนอนคร่อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สวมเสื้อลายสก็อตแขนยาวพับแขน กางเกงยีนส์สีเข้มขายาวม คาดเข็มขัดหนังสีดำ และสวมถุงเท้าสีดำ พบอาวุธมีดปลายแหลม ความยาวประมาณ 30 ซม. เหน็บอยู่ที่บริเวณเอวทางด้านและมีรอยสักบริเวณหน้าอกว่า “สราลี จำเริญ” จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ปลอก และบนร่างกายพบรอยลูกกระสุนปืนที่บริเวณท้ายทอยจำนวน 1 นัด และที่บริเวณด้านข้างลำตัวอีก 1 นัด
            กระทั่งเจ้าหน้าได้ติดตามผู้ก่อเหตุจากภาพจากกล้องวงจรปิด จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายดวง (สงวนนามสกุล) จึงได้เชิญตัวมาที่ สน.ประเวศ โดยนายดวงให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงนายมนัสจริง โดยอ้างว่าในวันเกิดเหตุ นายมนัส ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ได้ชวนไปทวงหนี้คนในละแวกที่เกิดเหตุ แต่ระหว่างทางเกิดมีปากเสียง และเห็นผู้เสียชีวิตทำท่าคล้ายจะชักอาวุธปืนออกมายิง จึงชักปืนที่พกติดตัวยิงสวนไป จากนั้นโยนอาวุธปืนทิ้งลงคลองแล้วหลบหนีไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่าทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหามีประวัติก่อคดีอาชญากรรมติดตัวหลายคดี และอยู่ระหว่างประกันตัวคดีร่วมกันชิงทรัพย์ ก่อนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว  เจ้าหน้าที่จึงได้จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

              ขณะที่ พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีผลการจับกุมคดีที่ รปภ.อายุ 56 ปี พกอาวุธปืนลูกซองยาว ไปทำงานในโรงเรียนย่านสัมพันธวงศ์, คดีจับกุมคนร้ายตบทรัพย์นักเรียน พื้นที่ สน.ปทุมวัน และ คดีจับกุมเยาวชนชาย 3 คน อายุ 16-17 ปี ใช้ปืนไทยประดิษฐ์ ข่มขู่เอาเสื้อนักศึกษาต่างสถาบัน ซึ่งทุกคดีจะดำเนินการขยายผลตรวจสอบ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และคดีที่เกี่ยวข้องเด็ก หรือเยาวชน เพื่อลดการเกิดคดีอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ในอนาคต

////////

Advertisement