บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ
วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม.,สมุทรปราการ,อุทัยธานี,
,นครราชสีมา ,กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้มี แก๊ง“ไฮบริดสแกม” ปลอมเฟซบุ๊กเป็นบุคคลหน้าตาดีมีฐานะ ร่ำรวย จากนั้นได้ตีสนิทผู้เสียหายในเชิงชู้สาวประมาณ 1 เดือน ระว่างนั้นมีการวิดีโอคอลหาผู้เสียหายโดยใช้ AI สร้างภาพเคลื่อนไหวให้มีหน้าตาเหมือนกับโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวกำลังพูดคุยอยู่กับตนเองจริงๆ เมื่อเหยื่อเริ่มตายใจจึงชักชวนร่วมลงทุนอ้างได้กำไรดี โดยส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม ชื่อ “Streaming” ให้ผู้เสียหายดาวโหลดลงโทรศัพท์มือถือและหลอกให้ทำการลงทุน

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ คนร้ายได้ส่งแหวนเพชรและช่อดอกไม้มาให้ผู้เสียหายเพื่อสร้างความเชื่อใจมากยิ่งขึ้นไปอีก จึงได้โอนเงินจำนวนลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมจำนวนทั้งหมด 45 ครั้ง เป็นเงินกว่า 45.8 ล้านบาท สุดท้ายเมื่อจับได้ว่าถูกหลอก คนร้ายจึงยอมรับกับผู้เสียหายว่าถูกบังคับให้ทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และได้ขอร้องให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพื่อเป็นค่าไถ่ตัวเอง จำนวน 200,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อ และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดี

พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับไว้ ประกอบด้วยกลุ่มบัญชีม้า กลุ่มระดับผู้สั่งการขององค์กรและกลุ่มบริหารจัดการฟอกเงิน มีทั้งคนไทย คนลาว คนกัมพูชาและคนจีน ก่อนกระจายกำลัง ตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ประกอบด้วย
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1 ราย แก๊งฟอกเงินคริปโตเคอเรนซี่ 1 ราย, แก๊งกดเงินสดและจัดหาบัญชีม้า 9 ราย และเจ้าของบัญชีม้าอีก  9 ราย ยึดทรัพย์สินต่าง ๆ รวม 208 รายการ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี ซิมโทรศัพท์ บัตรประชาชนของบุคคลอื่น สลิปฝากเงินสด

สอบสวน นายยุทธชัยฯ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกระดับผู้บริหารจัดการองค์กรให้การว่า ตนทำหน้าที่ล่ามและเป็นผู้จัดการในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายทุนชาวจีน มีรูปแบบการจัดการคล้ายบริษัทเอกชน โดยได้ค่าตอบแทนเดือนละ 40,000 บาท และค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ตามจำนวนเงินที่หลอกลวงมาได้ นอกจากหลอกลงทุน, หลอกให้รักแล้วยังมีการขู่กรรโชกทางเพศจากภาพโป๊เปลือย (Sextortion)  อีกด้วย

พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ของนายยุทธชัย พบว่าในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวยังมีการใช้แอปพลิเคชันปลอมในการหลอกลวงผู้เสียหาย 5 แอปพลิเคชัน คือ Streaming, TellMall, ETF Trade, Fhxcm  และ Fxcm ซึ่งตรวจสอบจากข้อมูลรับแจ้งความออนไลน์จากระบบ Thaipoliceonline พบว่า มีจำนวน 29 คดี ความเสียหายประมาณ 63 ล้านบาท อีกทั้งขณะทำการจับกุมนายยุทธชัยฯ พบว่านายยุทธชัยกำลังรับงานยิงแอดโฆษณาให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน เพื่อหลอกลวงคนตุรกีและแอฟริกาอีกด้วย จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 20 รายพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ได้เร่งรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีกหลายรายต่อไป

Advertisement