บชน. เตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง

          เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 พ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บชน. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ได้ทำการแถลงการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง เพื่อมุ่งรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนพร้อมกับอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการดำเนินงานในห้วงเวลาที่ผ่านมา พร้อมทั้งตอบข้อซักถามต่อสื่อมวลเกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบคอนโดถล่ม พื้นที่สน.บางโพ, ความชัดเจนคดีขุนชานนท์หลังคืนเงินให้ผู้เสียหาย และความคืบหน้าคดียาย 70 ปีถูกทหารทำร้ายร่างกาย สาเหตุจากการขายรถเตอรี่ราคาถูกกว่า
โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ วันนี้ จากข้อมูลด้านการข่าวมีการชุมนุมจำนวน 8 กลุ่ม กลุ่มที่พักค้างแรมมีจำนวน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคณะปฏิรูปยุทธศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทยสยาม (คปยส.) บริเวณใต้สะพานพระราม 8 และ กลุ่มสภาประชาชนแห่งชาติสภาประชาชนแห่งโลก บริเวณหน้าสถานทูตรัสเซีย  และกลุ่มผู้ชุมนุมฯ จุดอื่นๆ มีจำนวน 6 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และกลุ่มแนวร่วม รวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.00 น. 2.กลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และกลุ่มแนวร่วม บริเวณทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.00 น. 3.กลุ่มผู้ชุมนุมชาวยูเครน บริเวณสถานทูตรัสเซีย เวลา 14.00 น. 4.กลุ่มสหภาพคนทำงาน และกลุ่มแนวร่วมบริเวณแยกราชประสงค์ และจะเดินทางไปยังหอศิลป์กรุงเทพฯ เวลา 16.00 น. 5.กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร บริเวณเรือนจำกรุงเทพ และ6.กลุ่มทะลุคุก บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

            สำหรับเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุมฯ ได้แก่ ถ.พิษณุโลก  (แยกนางเลิ้ง – แยกสวนมิสกวัน) ถ.พระราม 5 (แยกพาณิชยการ – แยกวัดเบญจ) ถ.ราชดำเนินนอก  (แยกมัฆวานฯ – แยกสวนมิสกวัน) ถ.ราชดำเนินกลาง (แยกคอกวัว – แยกผ่านฟ้า) แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริ   (แยกราชดำริ – แยกประตูน้ำ) ถ.พระราม1 (แยกเฉลิมเผ่า – แยกราชประสงค์) ถ.เพลินจิต   (แยกราชประสงค์ – แยกชิดลม) ถ.พญาไท (แยกราชเทีวี – จุฬาซอย 12)
           “ทั้งนี้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมฯ ดังกล่าว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก สำหรับการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา กลุ่มคณะปฏิรูปยุทธศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทยสยาม (คปยส.), กลุ่มสภาประชาชนแห่งชาติ สภาประชาชนแห่งโลก กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร และกลุ่มทะลุคุก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ การดำเนินการทางกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2563 จนถึงปัจจุบันมี คดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมฯในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 837 คดี ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 480 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 357 คดี” โฆษก บช.น. กล่าว
           เมื่อถามว่า การข่าวการชุมนุม 8 กลุ่ม มีความรุนแรงหรือไม่ พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มก่อความวุ่นวายมาร่วมกิจกรรมแต่เจ้าหน้าที่ควบคุมได้อยู่ โดยใช้มาตรการป้องกันได้อยู่ ส่วนอีกไม่กี่เดือนจะครบรอบการชุมนุมช่วง ก.ค.นั้น การเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเต็มอัตรา ดำเนินการเพิ่มความเข้มด้านการข่าว กฎหมาย การป้องกัน สร้างความเข้าใจกับมวลชนที่มาเคลื่อนไหว หากมีกลุ่มอื่นเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้แกนนำประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ยืนยันว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อเกิดเหตุพร้อมรักษาความปลอดภัยได้ตลอดเวลา

            ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า กรณีการชุมนุมที่เกิดขึ้นมีการชุมนุม 3,000 กว่าครั้ง ดำเนินคดีกว่า 1,280 ครั้ง การจัดกิจกรรมทางการเมือง มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง และชุมนุมเรื่องปากท้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การดำเนินคดีเป็นผู้ชุมนุมกลุ่มบุคคลเดิมเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบนั้น การปฏิบัติหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรักษาคงามสงบเรียบร้อย หากไม่กระทำผิดกฎหมายตำรวจก็จะไม่มีการดำเนินคดี
           ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.มีการเตรียมการอย่างไรบ้างนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมวันที่ 22 พ.ค. ผู้รับผิดชอบคือบช.น. มีการร้องขอจากผู้อำนายการการเลือกตั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครร้องขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลการเลือกตั้ง ทาง บช.น.จึงประสานให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ส่งกำลัง 18,000 นาย มาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีการจับผิดฝั่งตรงข้ามรัฐบาลแต่อย่างใด มีการเลือกตั้งผู้ว่าและเลือกตั้งส.ก. จึงต้องเตรียมพร้อมดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
          เมื่อถามถึงกรณีคอนโด ย่านบางโพ เกิดการทรุดตัว มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โฆษก บช.น.เผยว่า ตำรวจได้มีการเข้าไปตรวจพิสูจน์เบื้องต้นแบ้ว โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชน รพ.ตำรวจ หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะเข้าตรวจร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้งสำนักโยธากรุงเทพมหานคร และผู้เชี่ยวชาญจากวิศกรรมสถาน ในวัน 3 พ.ค. นี้ ส่วนใบอนุญาตต้องประสานกับสำนักโยธา เกี่ยวกับใบอนุญาต ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนความผิดเบื้องต้นขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานที่พบ
           ทั้งนี้หากเป็นเรื่องกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้ที่รับผิดชอบควบคุมดูแลจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิศวกรฯ ส่วนการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบปากคำว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับผู้ดูแลงานหรือเจ้าของที่ดูแลโครงการดังกล่าว
           ส่วนกรณี ขุน ชานนท์ อักขระชาตะ อายุ 31 ปี ดาราหนุ่ม ขับรถชน น.ส.ปรารถนา แก้วโรจณะประเสริฐ ผู้ช่วยพยาบาล เหตุเกิดในพื้นที่สน.หัวหมากว่า ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแล้ว รวม 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย 2.ข้อหาใบอนุญาตขาดต่ออายุ 3.ข้อหารถไม่เสียภาษี ได้ทำการเปรียบเทียบปรับแล้ว 3 ข้อหา โดยเปรียบเทียบปรับจำนวน 2,000 บาท ส่วนอีกข้อหา คือ ไม่ทำพ.ร.บ.คุ้มครองบุคคลที่ 3 เกิดรถเฉี่ยวชนไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ นัดไปฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือในวันที่ 3 พ.ค. นี้ โดยหลักการกรณีการตรวจแอลกอฮอล์ล่วงเลยเกินมา 6 ชั่วโมง จึงไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้
          พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกรณีตกลงกันเองเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบเรื่องจึงเกิดความยากลำบาก พยายามถ่ายภาพถ่ายคลิปแล้วมาลงประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ก่อน เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสนจากคนหาประโยชน์จากกรณีดังกล่าว
           นอกจากนี้ พล.ต.ต.จิรสันต์ ยังกล่าวถึงคืบหน้ากรณีมีทหารทำร้ายร่างกาย นางยุรี อร่ามแสง อายุ 71 ปี หญิงขายลอตเตอรี ในราคา 80 บาท แต่คนละแวกนั้น ขายใบละ 100 บาท จนโดนภรรยาทหารนายดังกล่าวทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า เกี่ยวกับคดีนี้ได้แบ่งการดำเนินคดีเป็น 2 คดี คดีแรกหลานคุณยายได้ทำร้ายร่างกายทหาร ได้แจ้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เป็นอันตรายแก่กาย ทางพนักงานสอบสวนสน.นางเลิ้ง ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ผู้ต้องหาปฏิเสธ พนักงานสอบสวนสน.นางเลิ้งจึงสรุปสำนวน ส่งให้พนักงานอัยการไปแล้ว
            ส่วนคดีที่ 2 เป็นกรณีที่ฝ่ายทหารทำร้ายร่างกายหลานยาย ผลแพทย์เบื้องต้นพบว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงเข้าข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ส่วนการดำเนินคดีนี้ต้องมีการให้นายทหารพระธรรมนูญมาร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย นอกจากนี้ทางภรรยาที่ร่วมทำร้ายร่างกาย ขณะนี้ติดโควิด จึงขอเลื่อนเวลาในการมารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อน
Advertisement