เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมด้วยภญ.ขนิษฐา ต้นติศิรินทร์ ผู้อำนวยการกองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย ร่วมกันแถลงผลการเข้าตรวจค้นบริษัทผู้ว่าจ้างผลิต สถานที่จัดเก็บ และสถานที่ผลิต ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อินฟินาดิ แนท พลัส เอจจิ้ง โซลูชั่น (infNADi NAD+Aging Solution) หลังสามารถตรวจยึดของกลาง 47 รายการ รวม 47,506 ชิ้น มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการตรวจพบว่ามีคลินิกเสริมความงามหลายแห่ง นำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง infNADi NAD+ มาฉีดเข้าสู่ร่างกายให้กับลูกค้า อ้างว่าจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการชราภาพ และมีระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ทั้งที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าวนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตสำหรับใช้ภายนอกไม่สามารถนำมาฉีดเข้าสู่ภายในร่างกายได้ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย จึงระดมกำลังกวาดล้างจับกุมคลินิกเสริมความงามที่ลักลอบฉีด พร้อมทั้งประกาศเพิกถอนใบรับจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าว
“อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการเพิกถอนใบรับจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าว แต่ปัจจุบันยังพบว่ามีการนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาฉีดให้กับผู้มารับบริการตามสถานพยาบาลต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทาง อย. จึงประสานมายังตำรวจ บก.ปคบ. เพื่อให้สืบสวนขยายผลถึงต้นตอของผลิตภัณฑ์ที่มีการกระจายอยู่ตามสถานพยาบาลต่างๆ จนทราบตัวบริษัทผู้ว่าจ้างผลิต สถานที่จัดเก็บและสถานที่ผลิต ตั้งอยู่บริเวณชั้น 6 ของอาคารคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 7 จึงนำกำลังเข้าตาวจสอบ จนนำมาสู่การตรวจยึดผลิตภัณฑ์เสริมความงามของกลางทั้งหมดดังกล่าว”
พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทดังกล่าว เป็นชาวต่างชาติสัญชาติอเมริกัน ส่วนตัวยาของกลางสันนิษฐาน ว่า บางส่วนอาจลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ ก่อนนำมาแบ่งใส่ขวดแล้วนำไปขายตามคลินิกต่างๆ ขณะที่บางส่วนก็ผลิตขึ้นเอง อย่างไรก็ตามจากการกระทำดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 “ฐานผลิตเครื่องสำอางที่ห้ามผลิตนำเข้า , ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่รับอนุญาต และขายยาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
