เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. ที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ถนนวิทยุ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. พร้อมด้วย นาย นิติธร ล้ำเหลือ กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึง ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรื่อง ขอประท้วงการอ้างถึงประเทศไทยในการปกป้องไต้หวัน เพื่อต่อค้านภัยคุกคามจากจีน - ให้หยุดการกระทำกรณีกดดันให้กองทัพไทยเข้าร่วมซ้อมรบทางทะเล RIMPAC.2022 - ขอให้สหรัฐอเมริกา แสดงความรับผิดต่อการกระทำขององค์กร CIA.ที่ปฏิบัติการจัดทำข้อมูลแพร่กระจายข่าวเท็จ กรณีมีสายลับอิหร่านจะปฏืบัติการต่ิอิสราเอล และปฏิบัติอื่น ๆ ในพื้นที่ประเทศไทย
โดยนายไทกร เผยอีกว่า จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศว่า มอบหมายให้พันธมิตรอินโด-แปซิฟิก คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย และฟิลิปปินส์ รับภาระในการปกป้องไต้หวัน ถ้าหากจีนบุกยึดไต้หวัน และแถลงว่าจะร่วมมือพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จัดการซ้อมรบทางทะเล RIMPAC 2022 ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบทางทะเลขนาดใหญ่ ที่สุดในโลก มีกำลังพลเข้าร่วมซ้อมรบมากที่สุดถึง 25,000 นาย โดยมีประเทศไทยเข้าร่วมด้วยในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยระบุชัดเจนว่า เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากจีนนั้น รวมทั้งการที่พลเรือเอก จอห์น ซี. อากีโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา (USINDOPACOM) เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ กับไทย (U.S. Thai Senior Leader Dialogue หรือ SLD) ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีการลงนามในกรอบแผนงานสนับสนุนแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย ค.ศ. 2020 (Thailand United States Joint Vision Statement 2020 Support Framework) ซึ่งสหรัฐฯ จะขยายขอบเขตและ ยกระดับความซับซ้อนของการฝึกร่วมกัน ซึ่งรวมถึงปฏิบัติการทางไซเบอร์
จากนั้น นายพิชิต ไชยมงคล โฆษกกลุ่มรวมประชาชน เปิดเผยว่า กลุ่มรวมประชาชนติดตามสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความห่วงใยกังวลว่าจะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากนานามิตรประเทศว่าประเทศไทยจะไม่รักษาดุลยภาพของเป็นกลาง หากเกิดความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธขึ้นภายในภูมิภาคนี้ จึงขอเรียกร้องมายังท่านและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า 1.กลุ่มรวมประชาชนขอประท้วงต่อการอ้างสนธิสัญญา ข้อตกลง แถลงการณ์ร่วม ที่นำไป ประกาศแต่เพียงฝ่ายเดียวว่าประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรร่วมรบ หรือเลือกอยู่ข้างสหรัฐฯในการต่อต้าน ศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศว่า มอบหมายให้ประเทศ ไทยรับภาระในการปกป้องไต้หวัน ถ้าหากจีนบุกยึดไต้หวัน ซึ่งนับเป็นการขาดมารยาททางการทูตที่ดีต่อมิตรประเทศ เนื่องจากเป็นการประกาศยุทธศาสตร์การรบของสหรัฐฯ แต่เพียงฝ่ายเดียว และสหรัฐฯไม่ควรกระทำการดังกล่าวซ้ำอีก 2.กลุ่มรวมประชาชนขอคัดค้านความพยายามกดดันให้กองทัพไทยเข้าร่วมซ้อมรบ การทางทะเล RIMPAC 2022 3.กลุ่มรวมประชาชนไม่ยอมรับสนธิสัญญา ข้อตกลง แถลงการณ์ร่วม โดยเฉพาะพันธกรณีที่มีผล สืบเนื่องมาจากยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐอเมริก ที่ก่อปัญหานำประเทศไทยไปสู่กาาขัดแย้งกับมิตรประเทศ 4.กลุ่มรวมประชาชน ขอยืนยันว่าประชาชนคนไทยไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นสนามรบหรือ เป็นกองทัพหน้าของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รวมทั้งไม่ต้องการให้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการในการทำสงครามไซเบอร์ หรือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อโจมตีประเทศอื่น 5.กลุ่มรวมประชาชนห่วงกังวลต่อพฤติกรรมของสหรัฐฯที่พยายามสร้างสถานการณ์จากการเตรียมการรบและการซ้อมรบ รวมถึงการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร เพื่อก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ความ ขัดแย้งระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันในรูปแบบสงครามตัวแทนบนพื้นฐานที่ประเทศไทยกลายเป็นผู้แบกรับต้นทุนและความเสียหายแทนสหรัฐฯ ซึ่งสร้างผลกระทบในทางลบต่อมิตรภาพความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและมิตรประเทศอื่น และ 6.กลุ่มรวมประชาชนขอแจ้งต่อสหรัฐอเมริกาว่าจะไม่อดทนต่อการกระทำซ้ำของท่าน ในทุกกรณี และพร้อมแสดงเจตนา ตัวตน หน้าสถานทูตอเมริกาอย่างต่อเนื่อง
นายพิชิต เผยต่อว่า กลุ่มรวมประชาชนจึงขอเรียนมาเพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงมายังรัฐบาลและประชาชนของ สหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-สหรัฐ กำลังเสื่อมทรามลง อีกทั้งยังขัดหลักพื้นฐานความร่วมมือและความเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน และไทยถูกกระทำให้เกิดความตึงเครียดทางการทหารในพื้นที่โดยรอบประเทศไทยมากขึ้นโดยลำดับ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมิตรประเทศ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองประเทศจะกลับมายึดมั่นในเส้นทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยสันติ เพื่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติต่อไป
ถัดมา นายนิติธร หรือทนายนกเขา เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มรวมประชาชน ต้องการที่จะมาย้ำเตือนกับทางสถานทูตอเมริกาและประธานาธิบดีของอเมริกา ว่าการกระทำของท่านมันแสดงตัวตนว่าการปกครองในระบบประชาธิปไตยที่ท่านกล่าวถึงไม่เป็นควมจริงอย่างชัดเจน เป็นเรื่องผลประโยชน์ของอเมริกาทั้งนั้น เเละในรอบสามเดือนที่ผ่านมาก็เห็นได้อย่างชัดเจน เห็นการปฏิบัติการของอเมริกาในประเทศไทย มีความต่อเนื่องเข้มข้นตามลำดับ ดังนั้น เมื่อมีปฏิบัติการ ประชาชนคนไทยก็ต้องพร้อมกับการปฏิบัติการต่อเมริกาเช่นเดียวกัน และถ้าจากนี้อเมริกายังคงไม่หยุดยังทำซ้ำ หรือปฏิบัติการของซีไอเอต่างๆ พวกเราก็จะมาอยู่ที่หน้าสถานทูตฯ และครั้งต่อไปก็จะไม่ใช่ในรูปแบบนี้ ตนหวังว่าอเมริกาต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติ เรียนรู้การอยู่ร่วมกันของประเทศอื่นๆอย่างเป็นมิตร จึงจำเป็นต้องให้บทเรียนข้อคิดแก่สหรัฐอเมริกา และตนขอยืนยันว่าการที่อเมริกามุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ การแทรกแซงกิจการความมั่นคง การบ่อนทำลายศาสนา การยุยงให้เยาวชนเกลียดชังประเทศและสถาบันหลักของตัวเอง เป็นการกระทำที่คนไทยจะไม่ยอมรับ พร้อมฝากไปถึงพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ว่าการกระทำเหล่านี้อยู่ในสายตาของพวกท่านตลอดเวลา วันนี้ถ้าท่านแก้ไขไม่ได้ ถ้ายังให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอเมริกาอยู่ในลักษณะถูกกดขี่ครอบงำเช่นนี้ ท่านทั้งสองคนก็ไม่ควรบริหารประเทศนี้อีกต่อไป
นายจตุพร เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามอธิบายจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอดในเรื่องการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นในการจัดความสัมพันธ์กับมหาอำนาจประเทศต่างๆ เราประกาศจุดยืนร่วมกันอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์แปซิฟิค กรณีที่พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ไปลงนามร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.62 ความจริงแล้วนั้น ผลของสนธิสัญญาดังกล่าว จึงเป็นผลทำให้อเมริกาไปกล่าวอ้างในเรื่องการปกป้องไต้หวัน ในกรณีที่จีนเข้าไปทำสงครามร่วมกับไต้หวัน ซึ่งไม่ใช่สงครามของประเทศไทย แต่สหรัฐฯประกาศเลยว่าประเทศไทยจะไปทำหน้าที่ในการปกป้องไต้หวัน
นายจตุพร เผยอีกว่า ปรากฏการณ์วันนี้ที่อเมริกาลากไทยไปทำสงครามกับจีน มันไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ตนพยายามอธิบายตั้งแต่ต้นว่า สนธิสัญญาอินโด-แปซิฟิก ถ้าไทยไปทำกับจีน พวกตนก็ไม่เอาเช่นเดียวกัน ซึ่งประเทศไทยจะไปทำแบบนี้กับใครไม่ได้ วันนี้ สงครามระหว่างจีน-ไต้หวัน ไม่ใช่เรื่องของประเทศไทย รวมกระทั่งการจะใช้ไทยเป็นทางผ่านทำศึกที่พม่า ก็ไม่ใช่หน้าที่ของไทย ซึ่งไทยควรดำรงตนเเห่งความเป็นกลางทั้งปวง เพราะความเกรงใจที่ไทยมีต่ออเมริกา ทำให้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันเเพง ราคาพลังงานไฟฟ้าสูง เราคบสหรัฐฯก็ทำให้ซื้อน้ำมันอิหร่านหรือรัสเซียไม่ได้ เกรงใจจนไทยเองเดือดร้อน รวมถึงตนทราบมาว่าในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย นัดหมายนายกฯวันดังกล่าว ซึ่งพวกตนจะไปที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไปอย่างเป็นมหามิตร ไปเพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้ชัดเจนว่าประเทศไทยไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดำรงตนเป็นกลาง ไม่เข้าข้างมหาอำนาจประเทศใดทั้งสิ้น หรือไปทำสงครามกับประเทศใด อย่างที่เล็งเห็นคือพี่น้องเกษตรกรไทยกำลังจะย่อยยับพินาศไปตามลำดับ ดังนั้น เรื่องอินโด-แปซิฟิก เป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ คนไทยที่ยังอวยอเมริกาเป็นพ่อนั้น ยังเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีวันจะเกิดขึ้นนั้น ตนและกลุ่มพยายามอธิบายว่าไม่ต้องการให้ขบวนการเสรีไทยเกิดขึ้น เพราะเสรีไทยเกิดขึ้นเมื่อมีสงครามแล้ว แต่วันนี้เราไม่ต้องการให้เกิดสงคราม ตนขอเตือนคนไทยที่ไปขายชาติ ที่ออกมาตามสื่อต่างๆ ตกเป็นทาสขี้ข้าอเมริกา ว่าถ้าวันหนึ่งที่สงครามมาถึงประเทศไทย จะรอดูน้ำหน้าคนเหล่านี้ว่าจะทำอย่างไร และการที่นายกรัฐมนตรีของไทยไปร่วมลงนามเมื่อครั้งวันที่ 17 พ.ย.62 นั้น ตนถือว่า “เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าไทย”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ที่แจ้งว่าจะไปที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีข้อเรียกร้องอย่างไร ไปในแนวทางไหน โดยนายจตุพร กล่าวว่า ด้วยการลงนามปี 62 ของพลเอกประยุทธ์ อันเป็นที่มาของสนธิสัญญาอินโด-แปซิฟิค ดังนั้น เราต้องเรียกร้องให้มีการเปิดทั้งเรื่องที่เป็นความลับ ที่คนไทยควรรู้ และเราจะไปร่วมแสดงเจตนารมณ์ของคนไทย ถ้าคนไทยบางคนยังคิดว่าไม่เป็นภัยใกล้ตัว จะยังไม่ไปร่วมก็ได้ แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นภัย ก็มาร่วมกัน เพราะเห็นแล้วว่าภัยกำลังจะมาถึง ก็จะบอกทางการสหรัฐอเมริกาว่าคนไทยไม่เห็นด้วยกับการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ไทยออกมาบอกว่าไม่ต้องการเข้าร่วมสงคราม แล้วเพื่อนบ้านที่มีประเทศมหาอำนาจคอยดูอยู่ เป็นแบ็กให้อยู่ การกระทำแบบนี้ ที่เรายืนยันว่าจะไม่ขอให้ประเทศอเมริกาไม่มายุ่งกับไทย จะเป็นการสร้างความเชื่อถือให้กับจีนมากขึ้นหรือไม่ ทนายนกเขา กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นความเข้าใจผิด ที่มองว่าจีนเป็นแบ็กให้กับไทย วันนี้เศรษฐกิจไทยเรื่องการขายผลไม้ วันนี้เราไม่ได้รับความร่วมมือ เรียกได้ว่าไม่ได้รับความอนุเคราะห์การช่วยเหลือในรูปแบบพิเศษ ดังนั้นจะบอกว่าจีนเป็นแบ็กให้กับไทยนั้นไม่ใช่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือจีนไม่เคยแทรกแซงการเมืองไทย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวในกิจการการเมืองไทย และจีนไม่เคยทำสงครามกับประเทศอื่น รุกรานเหมือนอเมริกา เป้าหมายคือ ไม่ได้ปฏิเสธการทำหน้าที่ทางการทูต แต่ปฏิเสธการทูตที่ให้เป็นที่พักพิงอาศัยของซีไอเอ เป็นที่พักพิงอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะเป็นกองกำลังต่างๆ แล้วมาปฏิบัติการในประเทศไทย ดังนั้น 13 มิ.ย. นี้ คนไทยทุกคนควรออกมาเพื่อแสดงถึงความต้องการสันติ ว่าไม่ต้องการให้ไทยเป็นพื้นที่เสี่ยงทางสงคราม ส่วนวันที่เเละเวลาจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง เพราะต้องติดตามดูข่าวจากรัฐบาลว่ากำหนดการเขามีอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากหลังจากนี้ ทางรัฐบาลไทยยังไม่มีท่าที หรือนิ่งนอนใจ ทางกลุ่มจะมีการยกระดับการเรียกร้องหรือไม่ ทนายนกเขา ระบุว่า ตนคิดว่าถ้ารัฐบาลไทยไม่มีท่าทีอะไร ก็ทำให้คนไทยคิดได้ว่าไทยไม่ได้มีเอกราช รัฐบาลชุดนี้ทำให้ทราบว่าไทยไม่มีอิสระ ทำให้รู้ว่าแม้แต่ตัวนายกฯเองก็ตกเป็นทาสและขี้ข้า เครื่องมือของสหรัฐอเมริกา
กรณีที่บอกในช่วงการปราศรัยเมื่อสักครู่ว่า มีบางคนอยู่เบื้องหลังคอยให้การสนับสนุนสหรัฐอเมริกาแทรกแซงไทย พอจะบอกได้หรือไม่ว่ากลุ่มใด ทนายนกเขา ชี้แจงว่า การที่อเมริกาทำแบบนี้ได้ เพราะอะไร ถ้านายกฯ และ รมว.ตปท. มีความเข้มแข็งมากกว่านี้ ปฏิบัติการแบบนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ในทางทหารให้เขามาใช้พื้นที่ประเทศไทย ทิศทางเหล่านี้พอเห็นได้แล้ว หรือกรณีที่ทางกองทัพอากาศจัดซื้อเอฟ35 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มักดิ่งลงพื้นลงทะเลตลอด ล่าสุดทั้งเอฟ16 เอฟ35 ก็บินหนีเครื่องบินประเทศต่างๆ นี่จึงทำให้เห็นว่าคุณตกเป็นทาส ยอมจำนน ไม่มีความเป็นกองทัพไทย ไม่เลือกสิ่งดีๆให้ประเทศนี้ ดังนั้น คุณจึงเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังทำลายเอกราชและความเป็นอิสระของประเทศไทย นี่คือคนที่อยู่เบื้องหลัง
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายนิติธร (ทนายนกเขา) พร้อมด้วยนายจตุพร และกลุ่มรบมประชาชน ได้ร่วมลงนามท้ายจดหมายเปิดผนึก ก่อนมอบให้ พ.ต.ต.ธรรศ ทรัพย์บัว กก.5 บก.ส.3 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตัวแทนจากสถานทูตฯออกมารับหนังสือ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลประมาณ 10 นาย
Advertisement