ทนายตั้มขอตรวจสอบข้อมูลก่อนรับว่าความให้ลุงพล แจงคลายล็อกเมื่อไหร่ลงพื้นที่เมื่อนั้นแน่นอน

           วันที่ 26 มกราคม 64 จ.สกลนคร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเปิดเผยว่าตนขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนถึงจะรับเป็นทนายความให้กับลุงพลในคดีน้องชมพู่ เพราะตอนนี้ยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าพื้นที่เลย ยืนยันว่าคลายล็อกเมื่อไหร่จะรีบเข้าตรวจสอบทันที
            ส่วนกระแสออกมาว่าลุงพลยังไม่ได้ตกเป็นผู้หาต้องในคดีของน้องชมพู่เลย แต่ทำไมถึงรีบจ้างทนายตรงนี้มองว่าลุงพลร้อนตัวหรือไม่ ตนชี้แจงว่ามีตั้งหลายคดีที่มีการจ้างทนายทั้งที่ยังไม่ตกเป็นจำเลยหรือผู้ต้องหาเลย ก็สามารถมีทนายความได้
          วันนี้จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางเนื่องจากเป็นไปตามมาตราการป้องกันโควิด -19 ของจังหวัด เราจึงต้องให้ความร่วมมือกับทางจังหวัด โดยวันนี้จะเดินทางกลับพร้อมคณะทั้งหมด 4 คน แต่ก่อนกลับได้มีการนัดพูดคุยกับลุงพลที่โรงแรม การคุยครั้งนี้ทนายได้ขอพูดคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อที่จะหาแนวทางในการดำเนินการหลังจากนี้
           ส่วนกรณีที่ลุงพลได้เดินทางรับทราบข้อกล่าวหาในช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ตัวเองได้มีการประสานงานกับทางตำรวจสภ.กกตูม เพื่อให้ลุงพลเข้ารับข้อกล่าวหาทั้งหมด 2 คดี โดยคดีแรกคือ เรื่องของการครอบครองไม้ โดยลุงพลให้การภาคเสธ ว่าตัวเองได้เอาไม้มาจริงแต่ไม่ได้มีเจตนาและไม่รู้ว่าไม้มะค่าแต้นั้นเป็นไม้หวงห้าม พร้อมทั้งไม่ได้มีเจตนาครอบครองเป็นของตัวเอง แต่นำมาเพื่อให้ชาวบ้านที่จิตศรัทธา หรือความเชื่อไปกราบไหว้ทั้งนั้น
        อีกคดีเป็นเรื่องของนักข่าวช่องหนึ่งที่ไปแจ้งความไว้ ซึ่งมีทั้งหมด 2 ข้อหาคือ ข้อหาทำร้ายร่างกายลุงพลได้รับสารภาพในข้อหานี้ แต่ข้อหาพยายามชิงทรัพย์ลุงพลได้ปฏิเสธ สำหรับคดีรุกป่าที่ทาง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้ไปร้องกับทาง บก.ปทส. เรื่องนี้เป็นส่วนของทนายคนอื่น แต่การร้องเจาะจงเพียงคนใดคนหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งถ้าจะไปร้องก็ควรร้องทุกคน ไม่ใช่มาเจาะจงว่าต้องเป็นลุงพลแบบนี้มันเหมือนกลั่นแกล้งเพราะประเด็นหลักของลุงพลคือเรื่องของน้องชมพู่ อย่ามาเล่นใต้เข็มขัดแบบนี้
Advertisement