“ตู่​ จตุพร – ทนายนกเขา” และคณะ​ “ประชาชนต้องมาก่อน” ทวงคืนพลังงานให้​ ปชช.​ ซัดรัฐบาลสมคบคิดนายทุน ต้นเหตุแก้วิกฤตไม่ได้  เชื่อเป็นระยะสุดท้ายที่แสนสาหัสของรัฐ​ ด้านกลุ่มนาฏศิลป์ปฏิวัติ โผล่ ชูป้าย “ปล่อยนักโทษการเมือง ยกเลิก 112” เกือบวุ่น ต้องส่งตัวแทนผู้จัดงานเจรจา ทนายนกเขาแจงเป็นสิทธิแสดงออกได้ แต่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายเอง

          วันนี้​ (3 ก.ค.)​ เมื่อเวลา 16.00 น. ที่​ ลานคนเมือง เสาชิงช้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วย​นายนิติธร ล้ำเหลือ​ หรือ​ “ทนายนกเขา” กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) ได้จัดกิจกรรมเสวนาสาธารณะ “ประเทศต้องมาก่อน ตอน ทวงคืนพลังงานให้ประชาชน” โดยมีพี่น้องประชาชนหลายกลุ่มการเมืองทยอยเดินทางเข้าจับจองพื้นที่เพื่อฟังเสวนาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ช่วงแรกของกิจกรรมเป็นการแสดงดนตรี ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.น.1 และ สน.สำราษราษฎร์ พร้อมเจ้าหน้าที่เทศกิจ บูรณาการร่วมกันในการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดกิจกรรม และพื้นที่โดยรอบ โดยมีการติดตั้งเครื่องสแกนตรวจอาวุธบริเวณทางเข้า เพื่อตรวจตราทุกคนที่เข้าพื้นที่จัดกิจกรรม

             ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาสังเกตการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบเนื่องจากช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังผู้ว่าฯกทม. ประกาศพื้นที่ในกทม. เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมการชุมนุม จึงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้มาร่วมคัดกรอง เราห่วงอยากให้ประชาชน ปฏิบัติตามกฎหมาน ไม่ว่าการใช้คำพูก ปราศรัย ที่อาจหมิ่นเหม่การหมิ่นประมาท และกูมาตรกรรเฝ้าระวังเชื้อผดรค ทางตำรวจยืนยันรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกัน ฝากผู้จัดกิจกรรมคำนึงถึงข้อกฎหมายทุกข้ออย่างไม่ฝ่าฝืน
           เมื่อถามว่า การจัดพื้นที่รองรับการชุมนุม ทำให้ลดภาพความรุนแรงได้หรือไม่ รองโฆษกตร. กล่าวว่าสำหรับผู้มีเจตนาก่อความรุนแรงเขาไม่มีเจตนาเรียกร้องอะไรอยู่แล้ว แต่ผู้ออกมาเรียกร้องทางการเมืองจะมีประเด็นเรียกร้องที่ชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ เพื่อไม่ให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับประชาชน ต้องแยกกันระหว่างกลุ่มจัดกิจกรรมทางการเมือง กับกลุ่มจ้องที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ แต่ยืนยันว่า การจัดพื้นที่รองรับการชุมนุมเป็นประโยชน์ โดยตำรวจกับกทม.จะปฏิบัติงานร่วมกัน

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มนาฏศิลป์ปฏิวัติ นำโดย​ นางสาว​ กัลป์ยมน สุนันท์รัตน์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้มากิจกรรมยืนชูป้าย “ปล่อยนักโทษการเมือง ยกเลิก 112 ภายในบริเวณพื้นที่จัดกิจกรรมของคณะหลอมรวมฯ ทำให้คณะผู้จัดงาน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเข้ามาเจรจา ขอให้ไปแสดงออกนอกพื้นที่ เนื่องจากกิจกรรทวันนี้เป็นกิจกรรมเรียกร้องการทวงคืนพลังงาน แต่น.ส.กัลป์ยมน ปฏิเสธโดยอ้างว่า เมื่อการชุมนุมวันนี้เป็นการรวมกลุ่มทุกกลุ่ม เพื่อเรียกร้องทวงคืนพลังงาน ประเด็นปัญหากฎหมาย 112 ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหานี้เช่นกัน จึงเป็นสิทธิที่พวกตนจะแสดงออกในพื้นที่การจัดกิจกรรมในวันนี้
           กระทั่งเวลา 17.05 น. นายจตุพร​ และ​ นายนิติธร​ สองแกนนำผู้จัดงาน ได้เดินมาถึงสถานมี่จัดกิจกรรม โดย​ นายนิติธร ให้สัมภาษณ์ว่า กิจกรรมหลักวันนี้มี 2 ประเด็น คือ เชิญประชาชนมาร่วมกันแสดงความสามัคคี และการพูดถึงวิกฤตพลังงาน เพื่อนำไปสู่การทวงคืนพลังงานให้ประชาชน โดยเชิญประชาชนมามองปัญหาประเทศร่วมกัน จะได้นำไปสู่การแก้ปัญหา โดยจะมีการประกาศข้อเรียกร้องบนเวทีต่อไป
             เมื่อถามว่า มีกลุ่มคนอื่นมาชูป้ายเรียกร้องประเด็นอื่นในพื้นที่จัดกิจกรรม จะมีการดำเนินการอย่างไร นายนิติธร กล่าวว่า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของประชาชย ซึ่งจุดยืนของเราต้องการความสามัคคีจากประชาชนทุกสี ส่วนใครที่ออกมาแสดงจุดยืนประเด็นอื่นนั้น ไม่ใช่ความรับผิดชอบคณะผู้จัดงาน แต่ต้องรับผิดชอบตัวเอง เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจกรรมเขา ถ้าผิดกฎหมายเป็นหน้าที่ตำรวจดำเนินการ เรามาเรื่องความสามัคคี การทวงคืนพลังงาน ส่วนเรื่องอื่นจะแสดงออกก็เรื่องของเขา

            ด้าน​นายจตุพร กล่าวว่า เวลา 18.00 น. จะมีการประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนของคณะหลอมรวมฯ ถึงข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล และประชาชน ตนเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ถ้าเรายังมีความขัดแย้ง ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อทางการเมืองอย่างไร เราก็ต้องใช้น้ำมันแพง สินค้าแพง ภายใต้กลุ่มทุนที่เอารัดเอาเปรียบ แต่เรื่องนี้จะไม่มีวันชนะ ถ้าประชาชนยังแตกแยก
          “ในวันที่เรายากลำบาก แต่มีคนกลุ่มหนึ่งสมคบคิดเอาเปรียบประชาชน วันนี้เราจะอธิบายด้วยเหตุผล ว่าทำไมคณะผู้จัดงานต้องจัดเวทีวันนี้ ถ้าประชาชนไม่หลอมรวมกันก่อน จะไม่มีวันต่อสู้กับรัฐบาล และนายทุนฉ้อฉลได้ เราเห็นภัยความแตกแยก เรื่องส่วนบุคคลของทุกคนจึงเป็นเรื่องเล็ก แต่ประเทศไทยจึงต้องมาก่อน” นายจตุพร กล่าว

            เมื่อถามถึงการเชิญ​นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน มาร่วมสังเกตการณ์ด้วยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายสุพัฒนพงษ์ จะมาหรือไม่ก็ช่างหัวนายสุพัฒนพงษ์ แต่เชื่อว่า แม้ตัวไม่มาคงฟังจากการถ่ายทอด เพราะวันนี้คนไทยอยู่จุดเปราะบางที่สุด เพียงแค่เอาฟางไปวางบนหลังลาอีกเส้นเดียว หลังลาก็หักแล้ว ดังนั้น เมื่อคุณไม่มีความสามารถที่จะทำเรื่องพลังงานได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน ส่วนตัวเชื่อว่า วันนี้รัฐบาลอยู่ในสภาพแสนสาหัสระยะสุดท้าย แต่ทำเป็นแข็งแรง ซึ่งรัฐบาลไม่เคยแก้ไขอะไรได้เลย เพราะอยู่ภายใต้กลุ่มทุนพลังงานมาตลอด
Advertisement