วันที่ 1 มีนาคม 64 ที่ สน.ดินแดง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลประชุมตามความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ชุมนุมที่เข้ามาทุบทำลายทรัพย์สินราชการ อาคาร สน.ดินแดง จนได้รับความเสียหายในคืนวานที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่าได้มาติดตามผลการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น 3 ส่วน คือ 1. การจับกุมชุมนุมหน้าทหารราบที่ 1 หลายสิบราย และ 2. การทำลายทรัพย์สินที่ สน.ดินแดง พบว่ามีรถกระบะ รถจักรยานยนต์ของราชการ รวมถึงตัวอาคารที่ได้รับความเสียหาย
โดยรถยนต์ถูกเผาจนใช้การไม่ได้ และยังมีทรัพย์สินเอกชนและประชาชนโดยรอบได้รับความเสียหาย ก็จะต้องตามตัวเจ้าของมาแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมประเมินค่าความเสียหาย โดยกำลังตรวจสอบผู้กระทำผิด ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งสาธารณะประโยชน์ และ 3. เรื่องการทำร้ายร่างกายสารวัตรสืบสวน สน.ดินแดง ที่สืบสวนหาข่าวในถนนวิภาวดีรังสิตต้องแยกอีกสำนวน กำลังตรวจสอบหาผู้กระทำผิด ซึ่งพบว่ามีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ 8-10 คน มีคนทำร้าย 2-3 คน ที่เข้าไปผลักจนล้มและรุมทำร้าย ต้องดูว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกันหรือไม่
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานที่พบ เชื่อว่าผู้ที่เข้ามาทำลายทรัพย์สินของ สน.ดินแดงนั้นเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากถนนวิภาวดี ทั้งนี้ขอเตือนว่า การชักชวนโฆษณาและผู้ชุมนุมล้วนมีความผิดทั้งหมด เพราะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
นอกจากนี้ยังมีชาวเมียนมาหลายคนที่ขึ้นรถขยายเสียงมาร่วมชุมนุมด้วย กำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคลและจะดำเนินคดีด้วย หากในอนาคตจะมาชุมนุมร่วมกับชาวไทย ต้องยอมรับสภาพการถูกดำเนินคดี
กรณีตำรวจเข้าควบคุมตัวนักข่าวสำนักหนึ่งนั้น เนื่องจากขณะนั้น ตำรวจไม่สามารถแยกแยะจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ หากไม่มีการแสดงตัวหรือเครื่องหมายสัญลักษณ์สื่อมวลชนที่ชัดเจน หากพิสูจน์ตัวบุคคล มีหลักฐานระบุตัวตนว่าเป็นสื่อมวลชน พนักงานสอบสวนจะสั่งไม่ฟ้อง หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นสื่อจริง ก็ต้องทำตามกระบวนการ ไม่ใช่เฉพาะผู้สื่อข่าว แต่ยังรวมถึงประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าไปร่วมชุมนุม
กรณีมีนักข่าวถูกกระสุนยางยิงใส่นั้น ตำรวจไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครคือสื่อมวลชน ม็อบ หรือกลุ่มแพทย์อาสา จึงขอความร่วมมือสื่อที่เข้าติดตามเหตุการณ์ ให้ลงทะเบียนเพื่อรับปลอกแขนสื่อมวลชนที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ตำรวจนครบาล ซึ่งสัญลักษณ์ปลอกแขนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมจะสามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร หากคนกลุ่มนี้ถูกลูกหลงก็จะได้รับการเยียวยา
Advertisement